"พาวเวลล์"ส่งสัญญาณ อาจขึ้นดอกเบี้ยมากกว่าครั้งละ 0.25% เพื่อสกัดเงินเฟ้อ

22 มี.ค. 2565 | 08:54 น.
อัปเดตล่าสุด :22 มี.ค. 2565 | 16:06 น.

ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณแล้วว่า เฟดอาจจะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งละมากกว่า 0.25% ซึ่งมากกว่าที่คาดกันไว้ เป้าหมายเพื่อคุมเข้มนโยบายการเงินสกัดเงินเฟ้อที่พุ่งสูง

นายเจอโรม พาวเวลล์  ประธาน ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวในการประชุมสมาคมเศรษฐกิจธุรกิจแห่งชาติของสหรัฐคืนวานนี้ (21 มี.ค.) ตามเวลาไทย ระบุว่า ตลาดแรงงานของสหรัฐมีความแข็งแกร่งมาก และ อัตราเงินเฟ้อ ก็อยู่ในระดับ “สูงเกินไป”  ด้วยเหตุนี้ เฟดจึงอาจจะใช้มาตรการที่จำเป็นเพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าตัวเลขเงินเฟ้อจะกลับมามีเสถียรภาพอีกครั้ง

 

นายพาวเวลล์ยังกล่าวด้วยว่า ยิ่งหากพิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นเรื่องเหมาะสม เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 0.25% ในการประชุมครั้งหนึ่งหรือหลายครั้ง “เราจะทำ หากพิจารณาแล้วเห็นว่าจำเป็นต้องดำเนินนโยบายแบบคุมเข้มมากกว่าที่เคยดำเนินการมา"

เจอโรม พาวเวลล์  ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

ประธานเฟดกล่าวว่า สถานการณ์ด้านเงินเฟ้อย่ำแย่ลงอย่างมีนัยสำคัญซึ่งหมายถึงการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อในระดับสูงเป็นประวัติการณ์ แม้ในช่วงก่อนที่สงครามรัสเซีย-ยูเครนจะปะทุขึ้น นายพาวเวลล์ยังเตือนด้วยว่า ผลกระทบของสงครามและการที่ชาติตะวันตกคว่ำบาตรรัสเซีย อาจจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจสหรัฐเช่นกัน

นอกจากนี้ เขายังกล่าวว่า ผลกระทบโดยตรงจากราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ที่พุ่งขึ้นทั่วโลก รวมทั้งสงครามและเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง อาจส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจในต่างประเทศและจะยิ่งทำให้ห่วงโซ่อุปทานตกอยู่ในภาวะชะงักงันมากขึ้นอีก ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวจะลุกลามบานปลายมาถึงเศรษฐกิจสหรัฐด้วย

 

ก่อนหน้านี้ ในการประชุมครั้งล่าสุด (15-16 มี.ค.) ของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) เฟดมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 0.25-0.50% ถือเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2561 เจ้าหน้าที่เฟดยังคาดการณ์ด้วยว่า ในช่วงที่เหลือของปีนี้ จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 6 ครั้งๆละ 0.25% ซึ่งหมายความว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมทุกครั้งหลังจากนี้ และจะทำให้อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอยู่ที่ระดับ 1.75-2.00% ในช่วงปลายปี

สำหรับกำหนดการประชุมของ FOMC ประจำปี 2565 อีก 6 ครั้งที่เหลือ มีดังนี้

  • วันที่ 3-4 พ.ค.
  • วันที่ 14-15 มิ.ย.
  • วันที่ 26-27 ก.ค.
  • วันที่ 20-21 ก.ย.
  • วันที่ 1-2 พ.ย.
  • วันที่ 13-14 ธ.ค.