การเจรจาที่ไร้ผล “ไบเดน-ปูติน” จบที่คำขู่คว่ำบาตรรัสเซีย

08 ธ.ค. 2564 | 08:26 น.
อัปเดตล่าสุด :22 ก.พ. 2565 | 17:15 น.
602

การประชุมสุดยอดผ่านวิดีโอคอลล์ระหว่าง ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน และ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ซึ่งใช้เวลาราว 2 ชั่วโมงวานนี้ (7 ธ.ค.) ไม่ได้ให้ความหวังใด ๆเกี่ยวกับการคลี่คลายสถานการณ์ร้อนระอุแนวชายแดนรัสเซีย-ยูเครน "ไบเดน" เตือนพร้อมจัดหนักคว่ำบาตรหากรัสเซียบุก

การประชุมสุดยอด ผ่านวิดีโอคอลล์ระหว่าง ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย และ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐอเมริกา เมื่อวันอังคาร (7 ธ.ค.) เพื่อคลายปมร้อนกรณีเป็นที่จับตาว่า รัสเซียมีแผนยกกำลังพลบุก ยูเครน ในเร็ววัน ไม่ได้ให้ความหวังใด ๆ ฝ่ายรัสเซียปฏิเสธ ยันข่าวสั่งสมกำลังพลนับแสนชายแดนยูเครนเป็นแค่ข่าวลวง ขณะไบเดนย้ำ ถ้ารัสเซียบุก ต้องเจอ มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ ขั้นเด็ดขาด

 

แม้สิ่งเดียวที่ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องคือ ข้อเสนอแนะที่ว่ามอสโกและวอชิงตัน ควรเดินหน้าพูดคุยเจรจากันต่อไป แต่เนื้อหาส่วนใหญ่ของการเจรจาคือปมขัดแย้งที่ไม่มีวี่แววคลี่คลาย โดยในระหว่างการพูดคุยนั้น ไบเดนกล่าวเตือนปูตินว่า ตะวันตกจะกำหนดมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจและอื่น ๆ อย่างหนักหน่วงเล่นงานรัสเซียแน่ หากว่ามอสโกยกพลรุกรานยูเครน ขณะที่ประธานาธิบดีรัสเซียเรียกร้องสวนกลับไปว่า ขอคำรับประกันดีกว่า ว่านาโต้ หรือ องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ จะไม่ขยายขอบเขตปฏิบัติการไปในทิศตะวันออกเพิ่มเติม

 

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานอ้างอิงนายยูริ ยูชาคอฟ ที่ปรึกษาทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซีย หลังการพูดคุยหารือกันระหว่างผู้นำทั้งสองฝ่ายที่ใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง โดยระบุว่า เป็นเรื่องยากที่จะคาดหวังถึงความคืบหน้าอย่างทันทีทันใด อย่างน้อยประธานาธิบดีทั้งสองฝ่ายก็แสดงเจตนารมย์ว่าจะสานต่อในทางปฏิบัติ และจะเริ่มพูดคุยหารือกันในประเด็นอ่อนไหวต่าง ๆ ที่สร้างความกังวลอย่างยิ่งแก่ฝ่ายมอสโก

สหรัฐเตือน พร้อมจัดหนักมาตรการคว่ำบาตรหากรัสเซียบุกยูเครน

จากถ้อยแถลงของฝ่ายมอสโกเกี่ยวกับผลการสนทนาระดับผู้นำในครั้งนี้ เห็นได้ชัดว่า นอกเหนือจากการตกลงจัดประชุมพูดคุยหารือกันเพิ่มเติมแล้ว ก็ไม่พบสัญญาณใด ๆ ที่จะบ่งบอกว่าทั้งสองฝ่ายสามารถปรับลดจุดยืนความเห็นต่างให้แคบลง ท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดที่เกิดขึ้นหลายสัปดาห์หลังรัสเซียเสริมกำลังทหารจำนวนมากตามแนวชายแดนที่ติดกับประเทศยูเครน

 

ถ้อยแถลงของฝ่ายรัสเซียระบุ ประธานาธิบดีปูตินเน้นย้ำคำกล่าวหาของรัสเซียที่มีต่อยูเครนว่า ฝ่ายยูเครนนั้นมีพฤติกรรมยั่วยุ และใช้แนวทางทำลายล้างโดยมีเป้าหมายเล่นงานเพิกถอนข้อตกลงต่างๆระหว่างปี 2014 ถึง 2015 ที่ออกแบบมาเพื่อยุติสงครามระหว่างกองกำลังยูเครนกับพวกแบ่งแยกดินแดนทางตะวันออกของประเทศที่ได้รับการสนับสนุนจากรัสเซีย

 

ต่างฝ่ายโทษกันไปมา ไร้ความคืบหน้าประเด็นยูเครน

การปกป้องจุดยืนของตนเองของฝ่ายรัสเซีย ทำให้ประธานาธิบดีไบเดนกล่าวเตือนถึงความเป็นไปได้ที่ตะวันตกจะกำหนดมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย หากว่าสถานการณ์ลุกลามบานปลายและกล่าวหามอสโกมีพฤติกรรมข่มขู่คุกคาม แต่ฝ่ายผู้นำรัสเซียตอบกลับว่า "ข้อเท็จจริงก็คือ นาโต้กำลังดำเนินการอย่างเป็นอันตรายในความพยายามยึดอาณาเขตของยูเครน และกำลังเสริมแสนยานุภาพทางทหารของพวกเขาตามแนวชายแดนของเรา"

ผู้นำรัสเซียยัน ยูเครน-นาโต้เป็นฝ่ายยั่วยุ

ปธน.ปูตินยืนยันว่า ด้วยเหตุผลดังกล่าว รัสเซียจึงต้องการได้รับคำรับประกันที่น่าเชื่อถือและชอบด้วยกฎหมาย ว่านาโต้จะไม่ขยายขอบเขตปฏิบัติการไปในทิศตะวันออกและติดตั้งระบบอาวุธโจมตีการรุกรานในประเทศต่าง ๆที่มีชายแดนติดกับรัสเซีย

 

ก่อนหน้านี้ ฝ่ายเจ้าหน้าที่รัสเซียเคยประกาศกร้าวว่า ความสัมพันธ์ระหว่างนาโต้กับยูเครนที่แนบแน่นยิ่งขึ้นและความเป็นไปได้ที่พันธมิตรนาโต้จะประจำการขีปนาวุธโดยเล็งเป้าหมายมาที่รัสเซียนั้น คือสัญลักษณ์ของ"เส้นตาย" ที่รัสเซียจะไม่ยอมให้ใครก็ตามก้าวข้าม

 

จากการเปิดเผยของฝ่ายวังเครมลิน (ทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซีย) ปูตินได้บอกกับไบเดนในการประชุมวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ครั้งนี้ว่า เขาต้องการคำรับประกันว่าระบบโจมตีการรุกรานจะไม่ถูกส่งเข้าประจำการในประเทศต่างๆที่อยู่ติดกับรัสเซีย

 

ระหว่างการหารือครั้งนี้ ทั้งปูตินและไบเดน ยังได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นที่ต้องพยายามอย่างหนักในการสานสัมพันธ์ระดับปกติ และเดินหน้าความร่วมมือในประเด็นต่าง ๆ ที่มีผลประโยชน์ร่วมกัน ซึ่งครอบคลุมถึงประเด็นด้านความมั่นคงทางไซเบอร์

 

อนึ่ง การเจรจาครั้งนี้เกิดขึ้นในขณะที่ฝ่ายโลกตะวันตกแสดงความกังวลว่า รัสเซียจะรุกรานยูเครน และส่งเสียงเตือนว่าจะมีมาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจและมาตรการอื่น ๆ อย่างหนักหน่วงจัดการกับรัสเซีย หากว่ารัสเซียเปิดฉากปฏิบัติการทางการทหาร อย่างไรก็ตามเครมลิน ซึ่งบอกก่อนหน้าการประชุม ว่าพวกเขาไม่คาดหมายว่าการพูดคุยครั้งนี้จะมีความก้าวหน้าใดๆ ปฏิเสธว่าไม่ได้อำพรางเจตนาโจมตียูเครนแต่อย่างใด และทหารของรัสเซียนั้นก็อยู่ในสถานะป้องกันตนเอง

 

หวั่นรัสเซียบุกในไม่กี่เดือนข้างหน้า

ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาสถานการณ์บริเวณชายแดนยูเครนกับรัสเซียตึงเครียดขึ้นเรื่อย ๆ โดยข่าวจากฝ่ายตะวันตกระบุว่า รัสเซียจัดตั้งเส้นทางส่งเสบียง รวมถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์และเชื้อเพลิง ซึ่งสามารถทำให้ความขัดแย้งยืดเยื้อออกไปได้ในกรณีที่ รัสเซียตัดสินใจบุกรุกยูเครน

 

ไม่เพียงเท่านั้น หน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯ ยังประเมินว่า รัสเซียอาจเริ่มปฏิบัติการทางทหารกับยูเครนภายในไม่กี่เดือนข้างหน้า หรืออาจจะเป็นต้นปี 2565 เนื่องจากมอสโกมีทหารประจำการตามแนวชายแดนกว่า 175,000 นายแล้ว แต่ตอนนี้หน่วยข่าวกรองยังเชื่อว่า นายปูตินยังตัดสินใจไม่ได้ว่า จะใช้ทหารบุกยูเครนหรือไม่

 

สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า หลังจากการประชุมสุดยอดกับผู้นำรัสเซีย ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน (อังคารที่ 7 ธ.ค. ตามเวลาสหรัฐ) นายไบเดนยังมีหมายกำหนดการหารือกับนายเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส นางอันเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนีซึ่งจะดำรงตำแหน่งเต็มวันเป็นวันสุดท้าย นายมาริโอ ดรากี นายกรัฐมนตรีอิตาลี และบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักรด้วย