บทเรียนเจ็บๆ จากคลื่นโควิดระลอก 4 ในเยอรมนี

19 พ.ย. 2564 | 11:19 น.
อัปเดตล่าสุด :19 พ.ย. 2564 | 20:11 น.
591

“อันเกลา แมร์เคิล” ยอมรับว่า เยอรมนีกำลังถูกจู่โจมอย่างหนักหน่วงด้วยการแพร่ระบาดของโควิด-19 “ระลอกที่ 4”  ที่ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อรายวันทะยานทะลุ 50,000 ราย โดยมีกลุ่มเสี่ยงสูงคือผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนกว่า 10 ล้านคนทั่วประเทศ โลกกำลังได้บทเรียนอะไรจากเรื่องนี้

นายกรัฐมนตรีอันเกลา แมร์เคิล แห่ง เยอรมนี ประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในสหภาพยุโรป (อียู) ออกมายอมรับกลางสัปดาห์นี้ (11 พ.ย.) ว่า สถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในเยอรมนีนั้น มีความ "รุนแรง" และเธอเองก็กำลังพิจารณาหาวิธีการรับมือกับอัตราการติดเชื้อที่พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ท่ามกลาง การแพร่ระบาดระลอกที่ 4

 

ณ ช่วงเวลาเช่นนี้ แมร์เคิลแนะประชาชนให้เร่งฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ขณะเดียวกัน ล่าสุด เมื่อวานนี้ (18 พ.ย.) ทางการเยอรมนีได้ออกคำสั่งบังคับใช้มาตรการควบคุมเฉพาะกลุ่ม เจาะจงเพิ่มความเข้มงวดกับกลุ่มประชาชนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนมากยิ่งขึ้น  

 

สื่อต่างประเทศรายงานว่า นางแมร์เคิล พร้อมด้วยมุขมนตรีของทั้ง 16 รัฐ ออกคำสั่งให้ใช้มาตรการเชิงจำกัดและควบคุมด้านต่าง ๆ เพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดระลอกที่ 4 ของเชื้อไวรัสโควิด-19 ขณะที่เยอรมนีมียอดผู้ติดเชื้อพุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ หน่วยงานด้านสาธารณสุขของเยอรมนีรายงานยอดผู้ติดเชื้อรายวันเมื่อวันพฤหัสฯ (18 พ.ย.) มากกว่า 65,000 ราย ซึ่งสูงเป็นสถิติใหม่ ขณะเดียวกัน ผู้เชี่ยวชาญหลายรายก็ได้ประกาศเตือนว่า จำนวนผู้ติดเชื้อที่แท้จริงอาจสูงกว่าตัวเลขที่รายงาน 2-3 เท่า

อันเกลา แมร์เคิล ขอความร่วมมือประชาชน "ยังไม่สายเกินไป ใครยังไม่ฉีดวัคซีน ให้รีบไปฉีดซะ"

ไม่ฉีดวัคซีนต้องถูกจำกัดพื้นที่ 

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานการแถลงข่าวของนางแมร์เคิล ซึ่งระบุว่า มาตรการหลายข้อที่ประกาศใช้ในครั้งนี้จะไม่จำเป็นเลย หากมีประชาชนจำนวนมากขึ้นยอมเข้ารับการฉีดวัคซีน

 

หนึ่งในตัวอย่างของมาตรการเชิงจำกัดและควบคุม ได้แก่ การจำกัดการใช้ชีวิตในสถานที่สาธารณะสำหรับผู้ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มียอดตัวเลขผู้เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลเป็นจำนวนมาก

 

ดอยเชอ เวอเลอ (Deutsche Welle) สื่อใหญ่ของเยอรมนีรายงานว่า หากในพื้นที่นั้น ๆ มีผู้เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลจากเชื้อโควิด-19 มากกว่า 3 คนต่อประชากร 100,000 คน ก็จะมีการใช้ กฎระเบียบ “2G” ซึ่งกำหนดว่า ผู้ที่ต้องการเข้าร่วมกิจกรรมสาธารณะจะต้องได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว หรือมีหลักฐานยืนยันว่าได้หายป่วยจากโรคโควิด-19 แล้ว เป็นต้น

 

ก่อนหน้านี้ มีเพียงเมืองฮัมบวร์ก รัฐโลเวอร์แซกโซนี รัฐชเลสวิก-โฮลชไตน์ และรัฐซาร์แลนด์ เท่านั้นที่อยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ดังกล่าว

เที่ยวตลาดคริสต์มาสปีนี้ ต้องฉีดวัคซีนมาก่อนนะ

นอกจากนี้ รัฐสภาเยอรมนี ยังเห็นชอบมาตรการเพิ่มเติมครั้งใหม่เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งครอบคลุมถึง

  • การเร่งฉีดวัคซีนให้กับบุคลากรในโรงพยาบาลและสถานดูแลคนชรา รวมทั้งให้ตรวจหาเชื้อทุกวันแม้จะได้รับวัคซีนแล้ว
  • การอนุญาตให้เฉพาะผู้ได้รับวัคซีนครบ 2 โดสในพื้นที่ที่พบการแพร่ระบาดรุนแรงออกมาทำกิจกรรมนอกบ้านได้
  • การกำหนดให้ประชาชนต้องแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนครบโดส หลักฐานว่าหายป่วยจากการติดเชื้อ หรือมีผลตรวจหาเชื้อเป็นลบ ก่อนเข้าทำงานหรือใช้บริการขนส่งสาธารณะ 
  • การคง Work From Home กรณีจำเป็น
  • การตรวจหาเชื้อโควิดฟรี
  • การให้ค่าตอบแทนพิเศษแก่พยาบาล เป็นต้น

 

รัฐบาลกลางยังอนุมัติให้ทั้ง 16 รัฐในเยอรมนีสามารถกำหนดมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดเพิ่มเติมได้ และยังมีการกำหนดโทษจำคุกสูงสุด 5 ปี หากพบว่าปลอมแปลงหลักฐานการรับวัคซีน อย่างไรก็ดี มาตรการใหม่ไม่ครอบคลุมถึงการปิดโรงเรียน การห้ามเดินทาง หรือการบังคับฉีดวัคซีน

 

 “สถานการณ์ปัจจุบันนั้นอยู่ในขั้นรุนแรง การระบาดระลอกที่ 4 กำลังโจมตีประเทศของเราแบบเต็มกำลัง โดยตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันสูงกว่าที่เคยเป็นมา และยอดผู้เสียชีวิตรายวันก็น่าตกใจไม่แพ้กัน" ผู้นำเยอรมนีที่กำลังจะลงจากตำแหน่งในเร็ว ๆนี้ เน้นย้ำว่า ยังไม่สายเกินไปที่จะฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้กับผู้ที่ยังไม่ได้ฉีด

 

มีวัคซีนให้ ทำไมไม่ฉีด

ก่อนหน้านี้ เยอรมนีได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่จัดการและควบคุมการแพร่ระบาดได้ดีในระยะแรก ๆ แต่โควิดสายพันธุ์ใหม่ซึ่งเป็นโควิดกลายพันธุ์อย่างสายพันธุ์ “เดลต้า” ที่แพร่กระจายได้ง่ายขึ้น ไวขึ้นในปีนี้ ขณะที่ประชากรที่ได้รับวัคซีนครบโดสแล้วมีไม่ถึง 67 % ทำให้เยอรมนีกลายเป็น 1 ในไม่กี่ประเทศที่โควิดกลับมาระบาดหนักและอัตราการตาย (จากโควิด) พุ่งขึ้นสวนทางประเทศอื่น ๆ

 

ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ผู้ป่วยโควิดที่มีอาการหนักและผู้เสียชีวิตจากโควิด ทั้งในยุโรปและอเมริกา มักจะเป็นคนที่ยังไม่ฉีดวัคซีน ซึ่งเหตุผลส่วนหนึ่งที่ยังไม่ยอมฉีดเพราะพวกเขามองว่าถึงฉีดไป ภูมิคุ้มกันก็จะค่อยๆลดลงมาเรื่อย ๆ นอกจากนี้ ยังมีตัวอย่างของคนที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว แต่ก็ยังติดเชื้อโควิดได้อีก (breakthrough infections) ทำให้พวกเขามีข้ออ้างและเหตุผลที่จะไม่ฉีดวัคซีน

 

สถานการณ์ที่เป็นอยู่ทำให้สถานรักษาพยาบาลของเยอรมนีเริ่มได้รับแรงกดดัน และต้องปฏิบัติภารกิจรองรับผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นอย่างตึงมือ  

 

ดร.คริสเตียน ดรอสเทิน หนึ่งในนักวิทยาไวรัสชั้นนำของประเทศเยอรมนี กล่าวว่า ยังคงมีประชาชนราว 15 ล้านคนของเยอรมนีที่ยังไม่ยอมฉีดวัคซีนป้องกัน ซึ่งอันที่จริง 15 ล้านคนนี้สมควรจะได้รับการฉีดวัคซีนได้แล้ว สอดคล้องกับข้อมูลจากนางแมร์เคิล ที่ระบุว่า ยังมีประชาชนวัยผู้ใหญ่ราว 30% ที่ปฏิเสธการฉีดวัคซีน

 

ทั้งนี้ สื่อท้องถิ่นรายงานว่า กระแสต่อต้านการฉีดวัคซีนยังคงมีอยู่ในเยอรมนีและมีคนดังอย่าง “เนนา” (Nena) เจ้าของเพลงดังยุค 80’s “99 Red Balloons” และโจชัว คิมมิคช์ นักบอลคนดัง เข้ามาร่วมเป็นหัวหอกแสดงการต่อต้าน (วัคซีน) แต่กระแสดังกล่าวก็ใช่ว่าจะเป็นที่ยอมรับในวงกว้าง เพราะกลุ่มผู้ต่อต้านและไม่ยอมฉีดวัคซีน ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์และสร้างความไม่พอใจให้กับประชาชนโดยทั่วไปที่มองว่าพวกเขาควรจะต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคมเช่นกัน ไม่ใช่อ้างแต่สิทธิเสรีภาพในการตัดสินใจ

 

จนถึงขณะนี้ เยอรมนีรายงานยอดผู้ติดเชื้อโควิดสะสมแล้ว 5.1 ล้านคน และเสียชีวิตสะสมเกือบ 100,000 คนทั่วประเทศ

 

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ตลาดคริสต์มาส (Christmas Market) ที่มีชื่อเสียงของเยอรมนี และถือเป็นประเพณีประจำปี ก็ตกอยู่ภายใต้มาตรการคุมเข้มด้านกฎระเบียบเกี่ยวกับโควิด โดยเมืองฮัมบวร์กอยู่ในกลุ่มเมืองที่ต้องใช้กฎระเบียบ “2G” ซึ่งหมายความว่า ผู้ที่ต้องการไปเยือนตลาดหลักของเมืองจะต้องได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว หรือหายป่วยจากโรคโควิด-19 แล้ว ขณะที่ตลาดคริสต์มาสของเมืองมิวนิกที่เคยได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวต่างชาติ ปีนี้ได้ถูกยกเลิกการจัดงานไปแล้วโดยสิ้นเชิง

 

ข้อมูลอ้างอิง