เยอรมนีแนะประชาชนเลือกฉีด "ไฟเซอร์" เท่านั้น ถ้าอายุต่ำกว่า 30 ปี

10 พ.ย. 2564 | 18:51 น.
อัปเดตล่าสุด :11 พ.ย. 2564 | 02:15 น.
590

เพราะอะไร เยอรมนีจึงแนะนำให้ประชาชนกลุ่มวัยต่ำกว่า 30 ปี เลือกฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์/บิออนเทค เกิดอะไรขึ้นกับวัคซีนโมเดอร์นา ที่นี่มีคำตอบ

คณะกรรมการที่ปรึกษาด้านวัคซีนของเยอรมนี หรือ STIKO ออกคำแนะนำในวันนี้ (10 พ.ย.) ว่า ให้ประชาชนอายุต่ำกว่า 30 ปีรับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของบริษัทบิออนเทค/ไฟเซอร์เท่านั้น (ในเยอรมนีใช้ชื่อบริษัทบิออนเทค ซึ่งเป็นบริษัทสัญชาติเยอรมันนำชื่อไฟเซอร์) เนื่องจากพบการเกิดภาวะหัวใจอักเสบในกลุ่มคนหนุ่มสาวในอัตราต่ำกว่า เมื่อเทียบกับการฉีดวัคซีนต้านโควิดของบริษัทโมเดอร์นา

 

นอกจากนี้ สำนักข่าวรอยเตอร์ยังเปิดเผยด้วยว่า STIKO แนะนำให้สตรีตั้งครรภ์รับวัคซีนของบิออนเทค/ไฟเซอร์เท่านั้นเช่นกัน โดยไม่ได้กำหนดช่วงอายุ

 

ก่อนหน้านี้ หน่วยงานด้านสาธารณสุขแห่งชาติของฝรั่งเศส (HAS) ก็เพิ่งแนะนำให้ประชาชนที่มีอายุต่ำกว่า 30 ปีเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของบริษัทบิออนเทค/ไฟเซอร์แทนการฉีดวัคซีนของโมเดอร์นา โดยให้เหตุผลว่า เนื่องจากเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว วัคซีนของโมเดอร์นามีความเสี่ยงเกี่ยวกับปัญหาโรคหัวใจมากกว่าวัคซีนของไฟเซอร์ในกลุ่มวัยดังกล่าว

เยอรมนีแนะประชาชนเลือกฉีด \"ไฟเซอร์\" เท่านั้น ถ้าอายุต่ำกว่า 30 ปี

การให้คำแนะนำของ STIKO มีขึ้น หลังจากหน่วยงานด้านกำกับดูแลของหลายประเทศ ซึ่งรวมถึงแคนาดา ฟินแลนด์ และสวีเดนได้ออกคำเตือนว่าวัคซีน Spikevax (สไปค์แวกซ์) ซึ่งเป็นวัคซีนป้องกันโควิดของบริษัทโมเดอร์นา มีความเสี่ยงเกี่ยวกับโรคหัวใจหากฉีดในกลุ่มประชาชนที่มีอายุน้อย

 

ด้าน องค์การยาแห่งยุโรป (EMA) เพิ่งอนุมัติการฉีดวัคซีนเข็มบูสเตอร์ของโมเดอร์นาให้กับประชาชนที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไปที่ได้รับวัคซีนโดสที่สองแล้วเป็นเวลาอย่างน้อย 6 เดือนในเดือนต.ค.ที่ผ่านมา หลังจากที่เมื่อต้นปีนี้ EMA พบความเชื่อมโยงที่เป็นไปได้ระหว่างภาวะหัวใจอักเสบกับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 จากของทั้งไฟเซอร์และโมเดอร์นา แต่ในตอนนั้น EMA พิจารณาเห็นว่าประโยชน์ของวัคซีนชนิด mRNA ในการป้องกันโรคโควิด-19 นั้น ยังคงมีมากกว่าความเสี่ยง ซึ่งความเห็นดังกล่าวสอดคล้องกับหน่วยงานด้านสาธารณสุขของสหรัฐอเมริกา (FDA) และองค์การอนามัยโลก (FDA)

 

เยอรมนีกำลังเผชิญกับยอดการติดเชื้อโควิดที่เริ่มพุ่งทะยานขึ้นอีกครั้ง จนทำสถิติสูงสุดเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (8 พ.ย.) โดยสำนักข่าวต่างประเทศรวมทั้งรอยเตอร์ระบุว่า เมื่อวันจันทร์ หน่วยงานสาธารณสุขของเยอรมนีเปิดเผยสถิติการติดเชื้อโควิดในรอบ 7 วันล่าสุดพบว่า ผู้ติดเชื้อรายใหม่ในรอบ 7 วันได้ทำสถิติใหม่โดยขยับจาก 197.6 คนต่อประชากร 1 แสนคน เป็นติดเชื้อ 201.1 คนต่อประชากร 1 แสนคน นับเป็นสถิติสูงสุดนับตั้งแต่ที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในเยอรมนี  

ปัจจุบันยอดผู้ติดเชื้อโควิดสะสมในเยอรมนีอยู่ที่ 4,782,546 ราย ( ณ วันที่ 8 พ.ย.) เพิ่มจากระดับ 4,767,033 รายเมื่อวันอาทิตย์ (7 พ.ย.) ส่วนยอดผู้เสียชีวิตจากโควิดเพิ่มขึ้นเป็น 96,558 ราย หรือเพิ่มขึ้น 33 รายในช่วงเวลาเดียวกัน

 

ล่าสุด สหพันธ์ฟุตบอลเยอรมนี (เดเอฟเบ) รายงานว่า จากผลตรวจโควิด-19 เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา พบนักเตะติดโควิด 1 ราย และต้องกักตัวกลุ่มเสี่ยงที่ใกล้ชิดเขาอีก 4 รายรวมเป็น 5 ราย ทำให้ทั้งหมดจะต้องพลาดเกมฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก โซนยุโรป ที่มีคิวพบกับ ลิกเทนสไตน์ และ อาร์เมเนีย ในสองเกมสุดท้ายนี้

 

“ดาส บิลด์” สื่อใหญ่ของเยอรมนี รายงานว่า ผู้ติดเชื้อโควิดอาจเป็น นิคลาส ซูเล่ กองหลังจากทีม "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค ส่วน 4 ผู้ใกล้ชิดที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงและต้องถูกแยกกักตัว มีทั้ง โจชัว คิมมิช, แซจ นาบรี, จามาล มูเซียลา และ คาริม อเดเยมี นักเตะตำแหน่งศูนย์หน้าจาก เร้ดบูลล์ ซัลส์บวร์ก ซึ่งการตรวจเบื้องต้นทั้ง 4 รายผลออกมาเป็นลบ แต่จะมีการตรวจซ้ำและส่งผลยืนยันในวันนี้

 

ข้อมูลอ้างอิง