กระแสหวนกลับสู่มาตรการ ทำงานจากบ้าน (Work from Home: WFH) ใส่หน้ากากอนามัย และฉีดวัคซีนก่อนเข้าคลุกคลีกับคนหมู่มาก กลายเป็นเทรนด์ใหม่ในหมู่บริษัทเอกชนรายใหญ่ของสหรัฐ ที่ก่อนหน้านี้ไม่นานเพิ่งผ่อนคลายการควบคุมและเริ่มให้พนักงานกลับเข้าทำงานในออฟฟิศ
สาเหตุเนื่องจากการแพร่ระบาดอย่างหนักของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา ได้ส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 โดยรวมในสหรัฐพุ่งขึ้นอย่างมากในขณะนี้ แต่ละบริษัทมีความเคลื่อนไหวด้านการทำงานกันอย่างไรบ้าง เรามาดูกัน
- บริษัท อูเบอร์ เทคโนโลยีส์ ผู้ให้บริการเรียกรถโดยสารผ่านแอปพลิเคชันรายใหญ่ของสหรัฐ ได้ประกาศเลื่อนวันอนุญาตให้พนักงานทั่วโลกกลับเข้าออฟฟิศออกไปจนถึงช่วงปลายเดือนต.ค. และออกกฎข้อบังคับให้พนักงานทุกคนในสหรัฐต้องได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสแล้วจึงจะสามารถกลับเข้าออฟฟิศได้ ในเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา อูเบอร์คาดหวังว่าจะอนุญาตให้พนักงานกลับเข้าออฟฟิศได้ภายในวันที่ 13 ส.ค.นี้ แต่สุดท้าย บริษัทก็ตัดสินใจที่จะเลื่อนกำหนดดังกล่าวออกไปเป็นปลายเดือนต.ค.
- มาตรการดังกล่าวมีขึ้นเพียงวันเดียวหลังจากบรรดาบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ซึ่งรวมถึง ทวิตเตอร์ และ อัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิลและเฟซบุ๊ก ได้ออกกฎให้พนักงานทุกคนในสหรัฐต้องได้รับการฉีดวัคซีนก่อนที่จะกลับเข้าออฟฟิศ นอกจากนี้ กูเกิลยังวางแผนผลักดันให้พนักงานของบริษัทในภูมิภาคอื่นๆ ฉีดวัคซีนในช่วงหลายเดือนข้างหน้าด้วย
- ทางด้าน บริษัท ลีฟท์ (Lyft) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเรียกรถโดยสารผ่านแอปพลิเคชันอีกรายหนึ่งของสหรัฐ ได้ประกาศเลื่อนการเปิดออฟฟิศออกไปเป็นเดือนก.พ.ปีหน้า (2565) จากเดิมที่คาดว่าจะเปิดในเดือนก.ย.ปีนี้
- เน็ตฟลิกซ์ ใช้นโยบายให้นักแสดงและทีมงานที่ถ่ายทำในสหรัฐต้องฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19
- ส่วน บริษัทแอปเปิล อิงค์ เตรียมกลับมาใช้นโยบายให้พนักงานและลูกค้าต้องสวมหน้ากากอนามัยในร้านแอปเปิลสโตร์ส่วนใหญ่ในสหรัฐ แม้เป็นผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้วตาม
- ทวิตเตอร์ เตรียมปิดสำนักงานในสหรัฐหลังให้พนักงานกลับเข้าทำงานที่ออฟฟิศ สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ทวิตเตอร์ได้ระงับการกลับเข้าสำนักงานเมื่อวันพุธ (28 ต.ค.) ตามเวลาสหรัฐ โดยก่อนหน้านี้ บริษัทได้ให้พนักงานครึ่งหนึ่งกลับเข้าทำงานที่ออฟฟิศในซานฟรานซิสโกและนครนิวยอร์กได้สองสัปดาห์ หลังจากสั่งให้พนักงานทำงานจากที่บ้านมานานกว่า 16 เดือน
ทั้งนี้ ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในสหรัฐกลับมาเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากการระบาดของสายพันธุ์เดลตาซึ่งพบครั้งแรกที่อินเดีย โดยขณะนี้ ผู้ติดเชื้อรายใหม่ในสหรัฐกว่า 80% เป็นสายพันธุ์เดลตา ส่งผลให้เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (27 ก.ค.) หน่วยงานสาธารณสุขของสหรัฐได้ออกมาเตือนให้ชาวอเมริกันทุกคนที่อยู่ในพื้นที่ ๆ มีการแพร่ระบาดสูงควรสวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในอาคาร แม้ฉีดวัคซีนแล้วก็ตาม
ข้อมูลจาก Worldometer ซึ่งเป็นเว็บไซต์รายงานข้อมูลล่าสุดที่มีการรวบรวมจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลกระบุว่า สหรัฐมีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สะสมจำนวน 35,492,860 ราย และมีผู้เสียชีวิตสะสม 628,137 ราย โดยขณะนี้สหรัฐติดอันดับ 1 ของโลกทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจากโควิด-19