“เพื่อไทย” เปิด 4 เงื่อนไข “กระเป๋าเงินดิจิทัล” 10,000 บาท ใช้จ่ายได้ใน 6 เดือน

16 ส.ค. 2566 | 14:05 น.
อัปเดตล่าสุด :23 ส.ค. 2566 | 09:56 น.
17.7 k

‘เพื่อไทย’ ประกาศเดินหน้า “กระเป๋าเงินดิจิทัล” นโยบายเร่งด่วนเมื่อเป็นรัฐบาล พร้อมเปิด 4 เงื่อนไข นโยบาย Digital wallet 10,000 บาท สามารถใช้จ่ายได้ภายใน 6 เดือน

วันนี้ (วันที่ 17 สิงหาคม 2566) ล่าสุด พรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า พรรคเพื่อไทย จะเดินหน้า “กระเป๋าเงินดิจิทัลนโยบายเร่งด่วนเมื่อเป็นรัฐบาล โดยระบุว่า

“ประเทศไทยเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจถดถอยอย่างหนักต่อเนื่องมาหลายปี พรรคเพื่อไทย จึงมุ่งมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าเมื่อเป็นรัฐบาลจะเดินหน้า ‘นโยบาย Digital wallet 10,000 บาท’ อย่างเร่งด่วน เพื่อเป็นการกระจายรายได้สู่ชุมชน  บรรเทาปัญหาปากท้องให้พี่น้องประชาชน และกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ให้ระบบเศรษฐกิจกลับมาหมุนเวียนอีกครั้ง โดย

  • คนไทยอายุ 16 ปีขึ้นได้ จะได้เงินดิจิทัล 10,000 บาทโดยตรงผ่าน ‘กระเป๋าเงินดิจิทัล’ (Digital Wallet)  เพื่อจับจ่ายใช้สอยสินค้าที่จำเป็นในการดำรงชีวิต

กระเป๋าเงินดิจิทัล นโยบายพรรคเพื่อไทย

  •  Digital Wallet 10,000 บาท ที่ได้รับมาสามารถใช้จ่ายในรัศมี 4 กิโลเมตร แต่ปรับเปลี่ยนได้ตามลักษณะภูมิประเทศเพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชนทุกคน 
  • สามารถใช้จ่ายได้ภายใน 6 เดือน ด้วยบัตรประชาชน ผ่านแอปพลิเคชัน ไม่สามารถเบิกถอนเป็นเงินสดได้ แต่หากไม่สามารถเข้าถึงแอปพลิเคชันจะสามารถใช้จ่ายผ่านเลขบัตรประจำตัวประชาชนพร้อมโค้ดส่วนตัว
  • Digital Wallet 10,000 บาทนี้จะถูกส่งตรงถึง ‘กระเป๋าเงินดิจิทัล’ ของประชาชน ภายใต้ระบบที่ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างประโยชน์กับพี่น้องประชาชนอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย จึงไม่มีช่องว่างให้ใครฉวยโอกาสหาประโยชน์ระหว่างทาง ปิดโอกาสไม่ให้เกิดการหักหัวคิวในทุกขั้นตอน  

นโยบาย Digital Wallet 10,000 บาท  ของพรรคเพื่อไทย มุ่งเดินหน้านโยบายเงินดิจิทัลเต็มรูปแบบ ด้วยแนวคิดที่ทันสมัย ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก ด้วยทัศนคติเศรษฐกิจรูปแบบใหม่ เพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชนและประเทศชาติ”

น.พ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์พิเศษ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า นโยบายกระเป๋า "เงินดิจิทัล" "Digital wallet 10,000 บาท"เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจคาดว่าต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง เชื่อว่าขั้นต่ำจะสามารถทำได้ใน 6 เดือน เพราะต้องจัดทำระบบบล็อกเชน (blockchain) ให้สามารถกำหนดเงื่อนไขการใช้และพื้นที่การใช้จ่ายเงินให้มีประสิทธิภาพ รวมทั้งจะต้องหารือกับส่วนราชการต่างๆ ซึ่งเรื่องนี้ไม่ได้หมายความว่าจะไปสร้างสกุลเงินใหม่เพียง แต่เป็นการหาวิธีกระจายงบประมาณส่วนหนึ่งจากงบที่มีอยู่ 3.3 ล้านล้านบาท มาจัดสรรมาเพื่อรองรับนโยบายเงินดิจิทัลให้พอจ่าย และเป็นหลักประกันการใช้จ่าย

“เราก็จะเร่งทำให้เม็ดเงินกระจายไปสู่ประชาชนอย่างทั่งถึง โดยเราจะสร้างให้ประชาชนทุกคนที่มีอายุเกินกว่า 16 ปี มีเงิน 10,000 บาทอย่างทั่วถึง และให้ไปใช้จ่ายในพื้นที่ของตัวเอง ใช้ให้จบภายใน 6 เดือน เพื่อให้เกิดการหมุนเวียน การกระตุ้นเศรษฐกิจจริงๆ”นพ.พรหมินทร์กล่าว