"จตุพร"ฟันธง"เศรษฐา"วืดนายกฯ ชี้เพื่อไทยชวดเป็นการแกนนำตั้งรัฐบาล

15 ส.ค. 2566 | 09:43 น.
อัปเดตล่าสุด :15 ส.ค. 2566 | 12:07 น.

"จตุพร"ฟันธง"เศรษฐา"วืดนายกฯ ชี้เพื่อไทยชวดเป็นการแกนนำตั้งรัฐบาล จับตาชูวิทย์แฉรอบสอง ส่วนสำคัญศาล รัฐธรรมนูญจะชี้ขาดคำร้องและส่งผลถึงการโหวตนายกรัฐมาตรีของรัฐสภาด้วย

นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊คไลฟ์รายการประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน "ออกอาการ...วืด?" โดยระบุว่า สถานการณ์การช่วงชิงนายกฯ ขณะนี้นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทยจะวืดตำแหน่งนายกฯ และเพื่อไทยอาจชวดเป็นแกนนำตั้งรัฐบาล ส่วนสำคัญศาล รธน.จะชี้ขาดคำร้องและส่งผลถึงการโหวตนายกฯของรัฐสภาด้วย

สถานการณ์ทางการเมืองในช่วงนี้ ศาล รธน.จะเป็นจุดชี้ขาดทั้งหมด การโหวตนายกฯ ขณะนี้ยังไม่เรียบร้อย โดยพรรคเพื่อไทยอยู่ในเงื่อนไขปนเปกันไปหมด ทั้งอยากได้นายกฯ อยากสละนายกฯ และต้องการรอไว้ก่อนจนมีความมั่นใจในเสียงโหวตที่แน่นอน ดังนั้น จึงเป็นช่วงชีวิตทางการเมืองที่อยู่ด้วยความสับสน

"มั่นใจว่า นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดคนายกฯ เพื่อไทย จะไม่ได้เป็นนายกฯ และนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ นัดแถลงยกสอง (15 ส.ค.นี้) คาดเป็นการปิดฉากนายกฯ ของนายเศรษฐา อย่างสมบูรณ์แบบทันที ส่วนอุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร (ลูกสาวทักษิณ ชินวัตร) เชื่อว่า คนที่อยู่ในเมืองไทยมีความประสงค์จะใช้ชีวิตอยู่ในไทยมากกว่าต้องออกนอกประเทศอีก และรู้สถานการณ์ว่า ถ้าให้อุ๊งอิ๊งเดินไปสู่นายกฯ จะเหนื่อยมากที่สุด"

อย่างไรก็ดี หากการโหวตนายกฯ มาถึงมือพรรคภูมิใจไทยที่รู้สภาพเป็นอย่างดีว่า จะถือของร้อนกับตำแหน่งนายกฯ ไว้หรือไม่ หากส่งต่อไป หรือจะส่งให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อย่างไรก็ตาม ด้วยสถานการณ์ทางการเมืองขณะนี้ วันที่ 16 ส.ค. จึงเป็นหมุดหมายสำคัญ เนื่องจากศาล รธน. พิจารณารับคำร้องหรือไม่รับก็ตาม สภาย่อมรู้จะเดินไปอย่างไร

เมื่อกล่าวถึงอุ๊งอิ๊งเดินทางไปพบทักษิณ ผู้เป็นพ่อที่ต่างประเทศว่า ขณะะนี้ ทักษิณ อาจยังไม่มีความชัดเจนจะให้อุ๊งอิ๊ง เป็นนายกฯ เพราะคงไม่แน่ใจเสียงจะโหวตให้ว่า ไม่ใช่ให้เพราะรัก แต่ต้องการดันให้ฉิบหาย ดังนั้น ความอยากเป็นนายกฯ อาจทำให้ครอบครัวมีอันเป็นไปและต้องออกนอกประเทศไปเพิ่มอีกหรือไม่ จึงต้องคิดหนักกับกระแสไม่เอานายเศรษฐา และเรียกหาอุ๊งอิ๊งมากขึ้น

นายจตุพร กล่าวอีกว่า คนที่อยู่ในไทยย่อมรู้ดี เพราะอุ๊งอิ๊งมีคุณสมบัติต้องห้ามหลายเรื่อง แล้วยังมีแรงต้านจากประชาชน ดังนั้น การโหวตให้อุ๊งอิ๊งอาจไม่แน่ใจว่า จะได้บริหารประเทศราบรื่น หรือจะอยู่ได้สักกี่วัน ประกอบกับมีการเผาเสื้อแดงลามไปต่างจังหวัดมากขึ้น ขณะที่พวกนางแบกที่ไม่เคยร่วมชุมนุมกลับดูแคลนท้าให้เผาบัตร 30 บาทรักษาทุกโรคด้วย

รวมทั้งคาดว่า ขณะนี้การโหวตนายกฯ เพื่อไทย ไม่ได้ง่ายอย่างที่แสดงออกมาว่า ไม่โหวตนายเศรษฐา แต่จะเทเสียงให้อุ๊งอิ๊ง เป็นนายกฯ ซึ่งสิ่งนี้เป็นการล่อให้อุ๊งอิ๊งเดินไปติดกับดักแล้วถูกจัดการ ซึ่งขึ้นอยู่ว่า สุดท้ายจะกล้าหรือไม่ เพราะบทเรียนของยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ เพื่อไทย มีให้เห็น เพราะช่วงสุดท้ายไม่มีข้าราชการเหลือเป็นพวกอยู่เลย จึงถูกตีแตกและพล.อ.ประยุทธ์ นำทหารเข้ายึดอำนาจ
 

"บทเรียนในครั้งนี้ ไม่ได้อยู่ว่าใครจะเป็นนายกฯ สิ่งสำคัญความหายจะมาเร็วกว่าทุกครั้ง เพราะมาจากควาชิงชังอย่างคาดไม่ถึง ดังนั้น ถ้าอยากเป็นนายกฯ ก็เชิญ ตนไม่มีหน้าที่ต้องมาห้ามปรามใครทั้งสิ้น จะหาความฉิบหาย หรือความเจริญก็ล้วนเป็นสิทธิของแต่ละบุคคล"

ทางการเมืองของเพื่อไทยที่เดินมาถึงจุดนี้ เห็นความเสื่อมที่เดินมารวดเร็วหรือไม่ หากใครคิดว่าจะกอบกู้พลิกฟื้นความนิยมกลับมาด้วยนโยบายต่างๆ นั้น จะคิดผิดอย่างมหันต์ เพราะคนจะไม่ฟัง เนื่องจากนโยบายไม่สามารถมาหักล้างจุดยืนทางการเมืองได้ และการการตระบัตสัตย์ก็เป็นเรื่องของจุดยืนทางการเมือง

"ไทยเป็นประเทศที่ไม่รับคนขี้โกงมาเป็นนายกฯ ซึ่งเป็นวิธีผิด ไม่ชอบธรรม คือ การตระบัตสัตย์ เป็นคนผิดคำพูด ไม่ทำตามคำพูด อย่ามาบอกว่ากลืนเลือด ซึ่งเป็นความเจ็บปวดของตัวเองที่จะไปเป็นรัฐบาล หรือได้เป็น รมต.อย่างนั้นหรือ? มันมีการกลืนเลือดแบบนี้ด้วยเหรอ ถ้าจะกลืนเลือดก็คือการยอมเจ็บโดยต้องไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น แค่อธิบายตรรกกลืนเลือด แล้วน้ำลายก็สอแล้ว"

อีกทั้งระบุว่า ไม่แตกต่างจากการอ้างว่า เสียสละเพื่อจะได้เป็นนายกฯ เป็นรัฐบาล ซึ่งเป็นความเสียสละที่หน้าด้านอย่างยิ่ง เป็นการวิบัติเนื่องจากมีที่มาจากหลักคิดผิด จึงทำให้ทุกอย่างผิดหมด จึงแสดงถึงความโง่ของคนที่ขยัน จนเกิดชีวิตบัดซบที่สุดในทางการเมืองของเพื่อไทยในขณะนี้

อีกทั้ง กล่าวถึงกองเชียร์และพวกนางแบกท้าทายให้คนเสื้อแดงเผาบัตรโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคว่า คนพวกนี้ไม่รู้อะไร โครงการนี้ใช้เงินภาษีของประชาชนทั้งสิ้น อีกอย่างไม่ใช่ทักษิณและพรรคไทยรักไทยหรือเพื่อไทยคิดขึ้นมาทำเอง แต่ นพ.สงวน นิตยารัมพงศ์ อดีตผู้อำนวยการ รพ.บ้านแผ้ว เป็นต้นคิด บุกเบิกและผลักดันแล้วทดลองใช้ที่ รพ.บ้านแผ้ว ส่วนทักษิณ เห็นชอบด้วยจึงนำมาใช้ทั้งประเทศ

นายจตุพร กล่าวต่อไปอีกว่า เสมือนหนึ่งเพื่อไทยออกมาสำแดงตนข่มว่าอยู่เหนือประชาชน คนเสื้อแดงเป็นหนี้บุญคุณจึงท้าให้เผาบัตร 30 บาทรักษาทุกโรคทิ้ง ซึ่งเพื่อไทยควรห้ามเพราะกองเชียร์เข้าใจผิด เนื่องจากโครงการนี้เป็นโครงการรัฐ แต่ที่ยังไม่ฟรี เพราะต้องการรักษาแนวคิด 30 บาทรักษาทุกโรคของ รพ.บ้านแผ้วและ นพ.สงวน ผู้เริ่มต้นคิดเอาไว้

"เสื้อแดงเป็นเสมือนเสื้อเกราะให้เพื่อไทยมาตลอด ที่ผ่านมาฝ่ายตรงข้าม ฆ่า ทำลายเพื่อไทยไม่ตาย เพราะเสื้อแดงออกมารบแทน ซึ่งแตกต่างจากบรรดานายแบกและอีนางแบกทั้งหลายที่เที่ยวลำเลิกบุญคุณคนเสื้อแดงกับบัตร 30 บาทรักษาทุกโรค ทั้งที่เป็นเงินจากภาษีประชาชนที่นำมาอุดหนุนทั้งสิ้น ไม่ใช่เงินของนักการเมืองคนใดควักออกมาจ่าย"

เมื่อเสื้อเกราะถูกทำลายแล้ว เพื่อไทยจะไม่มีอะไรมาต่อรอง มาต่อสู้ ยิ่งการหวังได้พรรค 2 ลุง คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ พล.อ.ประวิตร มาร่วม โดยเชื่อจะได้เสียงจาก สว.มาโหวตนายกฯ ให้ แล้วได้พาทักษิณกลับบ้านก็ยังไม่แน่นอน อย่างไรก็ตาม เพื่อไทยเป็นคนประกาศไม่จับมือ 2 ลุง ยกโขยงไปไล่หนูตีงูเห่า ไม่เอาประชาธิปัตย ส่วนพรรครัฐบาลเก่าที่มาร่วมกับเพื่อไทยนั้นมีหลักแค่ไม่จับมือกับพรรคก้าวไกลเท่านั้น เมื่อเป็นแบบนี้จะไม่ให้เสื้อแดงมาเผาเสื้อได้อย่างไร

 คนเสื้อแดงที่ต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตย ทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่และบางคนเสียชีวิตนั้น ครอบครัวได้เก็บสัญลักษณ์เสื้อแดง ทั้งรูป ผ้าพันคอ เมื่อครั้งร่วมต่อสู้ไว้มากมาย เมื่อเพื่อไทยมาจับมือกับ 2 ลุง เขาจึงนำมาเผาทิ้ง เพื่อเป็นการประท้วงอย่างเหลืออดกับอารมณ์ที่ถูกตระบัดสัตย์ซึ่งหน้าเช่นนี้

นายจตุพร กล่าวว่า ช่วงหาเสียงนั้น เพื่อไทยขึ้นเวทีประกาศได้อย่างสะใจจะปิดสวิตซ์ สว. ปิดสวิตซ์ 3 ป. ไม่จับมือกับพวกสืบทอดอำนาจ แต่คนเหล่านี้ไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจ เพราะเพื่อไทยขึ้นอยู่กับผู้มีอำนาจเบื้องหลัง ผู้เป็นเจ้าของพรรคจะตัดสินใจคนเดียว เมื่อตัดสินใจแล้วคนเพื่อไทยก็ไม่กล้าคัดค้าน มีหน้าที่ทำตามเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ตลอดเวลาเจ้าของพรรคเพื่อไทยก็เป็นเช่นนี้ ไม่ได้เพิ่งเป็น แต่ตนโชคดีที่ทนไม่ได้ก่อน จึงไม่ได้เจอสภาพแบบนี้ เพราะเขาไม่ได้คิดแบบเพื่อนมนุษย์ร่วมต่อสู้ด้วยกัน และเชาไม่สนใจด้วย ที่สำคัญคือ นักการเมืองล้วนมีตำแหน่ง ผลประโยชน์เดิมพัน จึงทนอยู่กับเขาได้ ส่วนประชาชนไม่มีอะไรเป็นเดิมพันในการต่อสู้ เมื่อชนะหรือเหตุการณ์ยุติ ถ้าไม่ตาย ก็ติดคุก หรือกลับไปเป็นประชาชนตามเดิมอีก

ในกรณีการออกกฎหมายนิรโทษกรรมเมื่อปลายปี 2556 นั้น นายจตุพร กล่าวว่า ประชาชนไม่ได้เรียกร้องให้เพื่อไทยนิรโทษกรรม แต่แกนนำเรียกร้องให้เอง หวังว่า เสื้อแดงที่ติดคุกไม่ต้องเสียชีวตในคุก จะถูกปล่อยตัวออกมาอยู่กับครอบครัว มีอิสรภาพ แต่เมื่อการนิรโทษกรรมถูกกลายร่างเป็นฉบับสุดซอย เพื่อให้เจ้าของพรรคได้กลับบ้าน แต่ไปปิดโอกาสของประชาชนที่จะได้ออกจากคุก ได้มีอิสรภาพ แล้วเสื้อแดงบางคนต้องเสียชีวิตในคุก ซึ่งเป็นเรื่องเศร้า

"อารมณ์ความรู้สึกแบบนี้ คนที่เป็นเจ้าของพรรคจะไม่เข้าใจ เพราะอยู่ในโลกแค่เสมือนจริง ไม่เห็นแววตาความทุกข์ แต่อย่าให้บรรดาขี้ข้าหน้าโง่ทั้งหลายมาอธิบายว่า เผาเสื้อแดงแล้วทำไมไม่เผาบัตรทอง 30 บาทรักษาทุกโรคด้วย ซึ่งคนพวกนี้ไม่รู้สึกรู้สากับการลำเลิกบุญคุณคนเสื้อแดง ทั้งที่เป็นภาษีของประชาชนที่จ่ายแล้วเอามาทำโครงการนี้"

นายจตุพร กล่าวว่า เพื่อไทยอยากเป็นรัฐบาล แต่ยกเหตุผลเฮงซวยมาอธิอบายทั้งสิ้น ยิ่งมาลำเลิกคนเสื้อแดง ท้าให้เผาบัตร 30 บาทจึงน่าสมเพชอย่างยิ่งกับความคิดของพวกนางแบก และนายแบกทั้งหลาย ที่คิดจะทวงบุญคุณจากคนเสื้อแดง แต่หารู้ไม่ว่า เป็นการทำลายเสื้อเกราะที่ป้องกันเพื่อไทยเสียเอง เป็นการทิ้งมวลชน จนวันนี้ไม่มีอะไรเหลือแล้ว จะเอาอะไรไปต่อรอง แล้วยังไม่รู้สึกตัวอีก

ประเทศไทยต้องมาก่อน