ผ่าสูตร “รัฐบาลเพื่อไทย” วัดใจ “ลุงไหน”

11 ส.ค. 2566 | 06:09 น.
อัปเดตล่าสุด :11 ส.ค. 2566 | 08:52 น.
920

“เพื่อไทย” ผนึก 8 พรรครวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลได้แล้ว 238 เสียง แต่ยังต้องหาพันธมิตร ส.ส. เพิ่มอีกอย่างน้อย 12 เสียง และต้องมีเสียงสนับสนุน 2 สภา 374 เสียง ถึงกุมเก้าอี้นายกฯ ไว้ได้ มาลุ้นกันว่าระหว่างพรรค “ลุงป้อม” กับ “ลุงตู่” ใครจะถูกเชิญร่วมลงเรือ

การจัดตั้งรัฐบาลภายใต้การนำของ พรรคเพื่อไทย มีความคืบหน้าไปตามลำดับ 

ล่าสุดเมื่อวันที่ 10 ส.ค. 2566 ที่รัฐสภา นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ได้เปิดตัว พรรคชาติไทยพัฒนา เข้าร่วมรัฐบาลอีกพรรคหนึ่ง 

เบื้องต้น “รัฐบาลเพื่อไทย” มีพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลแล้ว 9 พรรค จำนวน 238 เสียง ประกอบด้วย เพื่อไทย 141 เสียง ภูมิใจไทย 71 เสียง ชาติไทยพัฒนา 10 เสียง ประชาชาติ 9 เสียง ชาติพัฒนากล้า 2 เสียง เพื่อไทรวมพลัง 2 เสียง เสรีรวมไทย 1 เสียง พลังสังคมใหม่ 1 เสียง และ พลังท้องที่ไทย 1 เสียง  

อย่างไรก็ตาม จำนวน ส.ส.ของรัฐบาลใหม่ ที่มีเพียง 238 เสียง ยังไม่เพียงพอที่จะเป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก เพราะต้องมีเสียง ส.ส. สนับสนุนรวมกันอย่างต่ำ 250 เสียงขึ้นไป

ดังนั้น พรรคเพื่อไทย ต้องหาเสียง ส.ส.สนับสนุนอีกอย่างน้อย 12 เสียง ถึงจะได้ครบ 250 เสียง

                          ผ่าสูตร “รัฐบาลเพื่อไทย” วัดใจ “ลุงไหน”

“ก้าวไกล” อุบหนุน พท.

แม้แกนนำพรรคเพื่อไทย นำโดย อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร จะบากหน้าไปหา พรรคก้าวไกล เมื่อวันที่ 9 ส.ค. ที่ผ่านมา เพื่อหยั่งท่าทีและขอเสียงสนับสนุนการโหวตนายกฯ คนของพรรคเพื่อไทย แต่ทว่า ก็ยังไม่ได้คำตอบว่าจะโหวตสนับสนุนหรือไม่

“เป็นการรับฟังซึ่งกันและกัน แต่ว่าก็ต้องคอยสื่อสารกันเรื่อยๆ อยู่  ยังไม่มีผลสรุปอะไร รับฟังกันอย่างมืออาชีพ ...ยังไม่ได้มีแผนต่อ วันนี้เป็นแค่การรับฟังอย่างตั้งใจและมีวุฒิภาวะ” พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวหลังหารือร่วมกับ อิ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ที่มาขอเสียงโหวตสนับสนุนนายกฯ คนของพรรคเพื่อไทย ที่อาคารไทยซัมมิท เมื่อวันที่ 9 ส.ค. 2566 ที่ผ่านมา 

เมื่อรัฐบาลใหม่ ยังมีเสียง ส.ส.ไม่ถึง 250 เสียง ทำให้พรรคเพื่อไทย ต้องหันไปทาบทามพรรคอื่นมาเข้าร่วมรัฐบาลเพิ่ม

พรรค 2 ลุงดึงใครเสียบ

พรรคที่เหลืออยู่ และมี ส.ส. พอมาเติมเต็มให้ได้ ก็คงหนีไม่พ้น “พรรค 2 ลุง” อันประกอบด้วย 

พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ของ ลุงป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่มีส.ส.ในมือ 40 เสียง โดยมีออฟชั่น สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) อีก 100 เสียง (40 +100) 

พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.)  ของ ลุงตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา (วางมือการเมืองแล้ว) มีส.ส.ในมือ 36 เสียง โดยมีออฟชั่น ส.ว.อย่างน้อย 100 เสียง (40+100) 

นอกนั้นก็มี พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่มี ส.ส. 25 เสียง แต่ถ้ามาร่วมก็อาจมีส.ส.มาร่วมแค่ 21 เสียง  

ดูๆ แล้ว พรรคพลังประชารัฐ ของ “ลุงป้อม” น่าจะมีโอกาสมากกว่าในการเข้าร่วมรัฐบาล 

หากเป็นดังนี้ ก็จะทำให้ “รัฐบาลเพื่อไทย” มีเสียง ส.ส.สนับสนุนเป็น 278 เสียง เกินครึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร (500 เสียง) มีความชอบธรรมในการจัดตั้งรัฐบาล 

แถมจะได้ ส.ว.สายลุงป้อม ประมาณ 100 เสียง เป็นแรงหนุนโหวตนายกฯ คนที่ พรรคเพื่อไทย เสนอในรัฐสภาได้อีกทาง ก็จะทำให้ตุนเสียง ส.ส.และ ส.ว. รวม 378 เสียง เกินกึ่งหนึ่งของ 2 สภา คือ 374 เสียง (จำนวนปัจจุบัน) มา 4 เสียง ถือว่าเพียงพอในการตั้งนายกฯ ได้แล้ว

ขึ้นอยู่กับแกนนำพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะ “นายใหญ่ดูไบ” จะไฟเขียวให้ดึงพรรคใดเข้าร่วมรัฐบาล ระหว่าง พรรคลุงป้อม หรือ พรรคลุงตู่

                                 ผ่าสูตร “รัฐบาลเพื่อไทย” วัดใจ “ลุงไหน”

40ส.ส.พปชร.หนุนเพื่อไทย 

นายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ ได้ออกมากล่าวถึงทิศทางการโหวตนายกฯ ของพรรคพลังประชารัฐ ว่า ขณะนี้ไม่มีการทาบทามจากพรรคเพื่อไทย แต่กลุ่มเราปรึกษาหารือถึงการแก้ไขปัญหาประเทศจำเป็นต้องมีรัฐบาลเร่งด่วน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาในพื้นที่เป็นปัญหาประเทศที่ต้องได้รับการแก้ไข 
 

“เราจึงเล็งเห็นว่า จะสนับสนุนพรรคเพื่อไทย พรรคพลังประชารัฐจะไม่ขาดแม้แต่คนเดียว ถ้าจะมาเราจะมาทั้งพรรค เราเคยทำงานกับพรรคเพื่อไทยเราเชื่อมั่นว่าจะผ่านวิกฤติทางการเมืองและวิกฤติเศรษฐกิจไปได้” นายไผ่ ลิกค์ กล่าว

พร้อมกับออกตัวว่า ยังไม่มีการพูดคุยเรื่องร่วมรัฐบาล เพราะคิดว่าเรื่องร่วมรัฐบาลเป็นเรื่องเล็ก จึงขอให้ผ่านตรงนี้ไปก่อน ส่วนจะมี “ลุง” หรือไม่ พรรคก็ยังย้ำจุดยืนว่า "มีลุงไม่มีแล้ง"

ทั้งนี้ เมื่อได้พรรคพลังประชารัฐเข้าร่วมรัฐบาลทั้งพรรค รวมเป็น 278 เสียงแล้ว หากพรรคเพื่อไทยยังไม่พอใจจำนวนเสียง ส.ส.ที่มีอยู่ ก็อาจทาบทาม ส.ส.พรรครวมไทยสร้างชาติ หรือ พรรคประชาธิปัตย์ เข้าร่วมเพิ่มอีกก็ได้ 

"สมศักดิ์"จีบรทสช.ร่วมรัฐบาล 

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวเมื่อวันที่ 10 ส.ค. ที่ผ่านมาว่า ยอมรับว่าได้พูดคุยกับ นายธนกร วังบุญคงชนะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ นายอนุชา นาคาศัย ส.ส.ชัยนาท พรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะอดีตสมาชิกกลุ่มสามมิตร ให้ร่วมงานทางการเมือง 

ทั้งนี้ได้แนะนำหากมาร่วมรัฐบาล ให้มาเป็นพรรค หรือ ทั้งหมด เพื่อให้สมศักดิ์ศรีของพรรคการเมือง และส.ส. โดยไม่แนะนำให้เป็น “งูเห่า” ซึ่งไม่มีประเด็นการพูดคุยให้ย้ายพรรค เนื่องจากตามกฎหมาย ส.ส.ที่ย้ายพรรคต้องถูกขับออก หรือลาออกไปเลือกตั้งใหม่ 

"เป็นการสื่อสารกันระหว่าง ส.ส. เพราะความคุ้นเคย อย่าง นายธนกร มีเวลาว่างไปเตะฟุตบอลด้วยกัน ผมรู้ว่า ส.ส.ส่วนใหญ่อยากเป็นรัฐบาล แต่ทางพรรคยังไม่ได้ติดต่อกัน ผมจึงได้บอกว่าให้ค่อยๆ พยายามขยับตัวเข้าหากัน จะได้สมหวัง และการจัดตั้งรัฐบาลจะได้มีเสถียรภาพ" นายสมศักดิ์ กล่าว

นายสมศักดิ์ กล่าวถึงเรื่องเสถียรภาพรัฐบาลด้วยว่า ต้องดูตัวเลขทางคณิตศาสตร์ เมื่อเสียงกึ่งหนึ่ง คือ 250 เสียง แต่หากเสียงเกินนิดหน่อย จะทำให้เสถียรภาพของรัฐบาลยุ่งยากมาก เช่น กรณีมีญัตติสำคัญเสียงโหวตของฝั่งรัฐบาล อาจจะมีพอใจหรือไม่พอใจอยู่ หากไม่พอใจทั้งหมดทั้ง 250-270 คน หรือ อาจจะมีคนไม่พอใจ 20-30 คน จะยุ่งเวลาโหวต  

ดังนั้น รัฐบาลต้องมีเสถียรภาพ มีเสียง 300 ขึ้นไป คนที่เป็นนายกฯ  จะได้ไม่ต้องพะวงเรื่ององค์ประชุมมากนัก