"เรืองไกร"จ่อร้อง กกต. สอบ"พิธา"ปมถือหุ้น "ไอทีวี"

09 พ.ค. 2566 | 12:48 น.
อัปเดตล่าสุด :09 พ.ค. 2566 | 13:07 น.
579

"เรืองไกร" เตรียมร้อง กกต.สอบ"พิธา"ถือหุ้นไอทีวี ส่อขาดคุณสมบัติลงสมัคร ส.ส.หรือไม่ เปิดข้อมูลพบชื่อถือ 42,000 หุ้น ซ้ำบริษัทยังดำเนินธุรกิจอยู่ ชี้หากจริงเข้าข่ายต้องห้ามลงสมัครตั้งแต่ปี 62

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เปิดเผยว่า ได้ตรวจสอบพบข้อมูลที่น่าเชื่อว่านายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ถือหุ้นบริษัทไอทีวี จำกัด (มหาชน) จำนวน 42,000 หุ้น จึงต้องการให้กกต.ตรวจสอบ เนื่องจากรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3) บัญญัติห้ามมิให้บุคคลที่เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นส.ส

และเมื่อตรวจสอบปรากฏข้อเท็จจริงตามข้อมูลเมื่อวันที่ 7 เม.ย.66 ที่ทำให้เข้าใจว่านายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทไอทีวี จำกัด (มหาชน) ในลำดับที่ 6,121 เลขทะเบียนผู้ถือหลักทรัพย์ 4030954168 ที่อยู่ 98/26 อาคารซิลเวอร์เฮอริเทจ ซ.สุขุมวิท 38 ถ.สุขุมวิท พระโขนง คลองเตย 10110 สัญชาติ ไทย จำนวน 42,000 หุ้น
 

นายเรืองไกร กล่าวว่า เมื่อตรวจสอบจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบข้อมูลของบริษัทไอทีวี จำกัด (มหาชน) พบว่าเป็นนิติบุคคลที่ยังดำเนินกิจการอยู่ ธุรกิจตอนจดทะเบียน ระบุการออกอากาศทางวิทยุกระจายเสียงยกเว้นทางออนไลน์วัตถุประสงค์ตอนจดทะเบียน ระบุสถานีโทรทัศน์ หมวดธุรกิจ ก็ระบุว่ากิจกรรมเผยแพร่ภาพยนตร์วีดิทัศน์และรายการโทรทัศน์

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหนห้าพรรคก้าวไกล

โดยปีที่ส่งงบการเงิน คือปี2560 ต่อเนื่องถึงปี2564 และเมื่อขอข้อมูลบัญชีรายขื่อผู้ถือหุ้นบริษัทไอทีวี จำกัด (มหาชน) จากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบว่า ณ วันที่ 27 เม.ย.65 นายพิธา เป็นผู้ถือหุ้นในลำดับที่ 7,138 จำนวน 42,000 หุ้น เลขที่ใบหุ้น 06680180285422 มูลค่าหุ้นละ 5 บาท

อีกทั้งเมื่อตรวจสอบข้อมูลบริษัทไอทีวี จำกัด (มหาชน) จากเว็บไซต์ พบว่าบริษัท ไอทีวี จำกัด(มหาชน) ประกอบกิจการรับจ้างโฆษณา ประชาสัมพันธ์ทุกชนิดทุกประเภท มีรายได้ปี 2565 รวม 21 ล้านบาท และมีรายได้ปี 2564 รวม 24 ล้านบาท โดยบริษัทมีการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (E-AGM) เมื่อวันพุธที่ 26 เม.ย.66

จากข้อเท็จจริงดังกล่าวจึงมีเหตุอันควรที่ กกต. จะต้องตรวจสอบนายพิธา ผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อและผู้ถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล ว่าเข้าข่ายมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98(3) หรือไม่

"ขอให้ กกต. รีบตรวจสอบยืนยันข้อมูลจากบริษัทไอทีวี จำกัด (มหาชน) โดยด่วนว่านายพิธา ถือหุ้นจำนวนดังกล่าวมาตั้งแต่เมื่อใด หากถือมาก่อนการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 24 มี.ค.62 จะเข้าข่ายมีลักษณะต้องห้ามมาก่อนหรือไม่ การเป็น ส.ส. ที่ผ่านมาจะชอบหรือไม่

และเมื่อย้อนไปตรวจสอบบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินฯที่แจ้งต่อ ป.ป.ช. กรณีเข้ารับตำแหน่ง ส.ส. เมื่อวันที่ 25 พ.ค. 62 นายพิธา แจ้งเงินลงทุนไว้ 45 รายการ แต่ไม่พบลงทุนในหุ้นบริษัทไอทีวี แต่อย่างใด ซึ่งที่อยู่ที่นายพิธา แจ้งไว้ต่อ ป.ป.ช. ก็สอดคล้องกับที่อยู่ตามบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นดังกล่าว ดังนั้น ในวันที่ 10 พ.ค. เวลาประมาณ 10.00 น. ผมจึงจะไปยื่นหนังสือที่ กกต. ด้วยตนเอง"