"อลงกรณ์"เดินหน้า โครงการน้ำมันราคาถูก ช่วยประมงพื้นบ้าน 4.8 หมื่นลำ

28 เม.ย. 2566 | 11:20 น.
อัปเดตล่าสุด :28 เม.ย. 2566 | 11:31 น.

"อลงกรณ์"มอบกรมประมง เดินหน้าโครงการน้ำมันราคาถูกช่วยประมงพื้นบ้านกว่า 4.8 หมื่นลำ หวังครม.เห็นชอบโครงการนำเรือประมงออกนอกระบบ 1,007ลำวงเงิน 1,806 ล้านบาทโดยเร็ว

 นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพการประมงไทย ได้ประชุมคณะกรรมการ ครั้งที่ 2/ 2566 ผ่านระบบการประชุมออนไลน์ zoom cloud meeting และห้องประชุมกุลาดำ ชั้น 7 อาคารจุฬาภรณ์ กรมประมง พร้อมด้วย คณะกรรมการและผู้แทน

โดยมี นางสาวสัมพันธ์ ปานจรัตน ผู้อำนวยการกองนโยบายและแผนพัฒนาการประมงกรมประมง กรมประมง เป็นฝ่ายเลขานุการ คณะกรรมการฯ ได้หารือและมีมติรับทราบในความก้าวหน้าการดำเนินงานภายใต้คำสั่งคณะกรรมการฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพการประมงไทย ซึ่งประกอบด้วย ผลการดำเนินงานของ 4 คณะอนุกรรมการ และ 2 คณะทำงาน 
 

นายอลงกรณ์ กล่าวหลังการประชุมว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมประมงดำเนินการช่วยเหลือเกษตรกรชาวประมง ในการบรรเทาความเดือดร้อนจากราคาน้ำมัน และการสนับสนุนสินเชื่อเสริมสภาพคล่อง พร้อมทั้งการส่งเสริมตลาดส่งออกสัตว์น้ำ (ปลากะพง) ไปประเทศจีน โดย (1) คณะกรรมการฯ มีมติเห็นชอบในหลักการใน “ร่าง” โครงการบรรเทาผลกระทบราคาน้ำมันสำหรับเรือประมงพื้นบ้าน

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

มีเป้าหมายเป็นชาวประมงพื้นบ้านที่ทำการประมงโดยใช้เรือขนาดเรือต่ำกว่า 10 ตันกรอสซึ่งจดทะเบียนและได้รับใบอนุญาตใช้เรือจากกรมเจ้าท่า และใช้เครื่องมือทำการประมงถูกต้องตามกฎหมายจำนวน 48,380 ราย วงเงินงบประมาณ 366,733,360 บาท โดยมีระยะเวลาดำเนินโครงการ 10 เดือนหลังจากคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ 

ทั้งนี้ ชาวประมงพื้นบ้านที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับสิทธิรายละ 1 ลำ และได้รับการช่วยเหลือค่าน้ำมันราคา 5 บาทต่อลิตร เป็นเงิน 1,255 บาท /เดือน เป็นระยะเวลา 6 เดือน และ (2) รับทราบการดำเนินงานโครงการสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องผู้ประกอบการประมง ในระยะที่ 1 ได้สิ้นสุดระยะเวลาโครงการระยะที่ 1 แล้วโดยอนุมัติสินเชื่อรวมจำนวน 2,306 ราย วงเงินสินเชื่อรวม 1,188.04 ล้านบาท

และระยะที่ 2 ผู้ประสงค์เข้าร่วมโครงการฯ ตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2565 ถึงวันที่ 21 เมษายน 2566 มีผู้เข้าร่วมโครงการฯ จำนวน 608 ราย จำนวนเรือประมง 740 ลำ วงเงินสินเชื่อ 1,128.92 ล้านบาท

 

 ทั้งนี้ ได้แยกตามสินเชื่อ โดย ธกส. มีผู้ประกอบการเรือประมงต่ำกว่า 60 ตันกรอส และเข้าร่วมโครงการจำนวน 498 ราย จำนวนเรือ 586 ลำ วงเงินสินเชื่อประมาณ 503.54 ล้านบาท และ ธนาออมสิน มีผู้ประกอบการประมงที่มีเรือประมงตั้งแต่ 60 ตันกรอส ขึ้นไปและเข้าร่วมโครงการจำนวน 110 ราย จำนวนเรือ 154 ลำ วงเงินสินเชื่อประมาณ 625.38 ล้านบาท

และ (3) การส่งเสริมตลาดส่งออกปลากะพงขาวไปประเทศจีน โดยฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการฟื้นฟูฯ ได้ร่วมประชุมหารือกับเลขานุการ Fruit Board เกี่ยวกับการจัดทำพิธีสารการส่งออกผลไม้และสัตว์น้ำไปยังจีน รวมทั้งการประเมินความเสี่ยงการเปิดตลาด การขึ้นทะเบียนโรงงานการส่งออกปลากะพงขาวไปสาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อจีนยินดีให้เปิดตลาดจะดำเนินการประเมินความเสี่ยง ทำพิธีสารระหว่างสองฝ่ายและขึ้นทะเบียนโรงงาน จึงจะสามารถส่งออกสินค้าได้ ซึ่งกรมประมงอยู่ระหว่างดำเนินการตามขั้นตอน

"อลงกรณ์"เดินหน้า  โครงการน้ำมันราคาถูก ช่วยประมงพื้นบ้าน 4.8 หมื่นลำ

นอกจากนี้ คณะกรรมการฯ ยังได้หารือและมีมติรับทราบการดำเนินงานการพัฒนาศักยการประมงไทย ดังนี้

1) คณะอนุกรรมการฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพการประมงพื้นบ้าน มีความก้าวหน้าการดำเนินการออกใบอนุญาตทำการประมงพื้นบ้าน คณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าอากรใบอนุญาตให้ใช้เครื่องมือทำการประมง และค่าธรรมเนียมใบอนุญาตทาการประมงพื้นบ้าน พ.ศ. .... เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2566

ภายหลังการดำเนินการรับฟังความคิดเห็นของคณะทำงานวิเคราะห์สถานการณ์ตรวจ ติดตาม ควบคุม เฝ้าระวังการทำการประมงและแรงงานในภาคประมงได้ข้อยุติ จึงจะดำเนินการเสนอออกกฎกระทรวงฯ ต่อไป 

2) คณะอนุกรรมการฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพการประมงพาณิชย์ และการประมงนอกน่านน้ำไทย เพื่อขออนุมัติโครงการนำเรือประมงออกนอกระบบฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เห็นชอบให้กรมประมงขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ประจำปี พ.ศ. 2566 วงเงิน 1,806,334,900 บาท และกรมประมงได้มีหนังสือถึงสำนักงบประมาณ โดยหวังว่า คณะรัฐมนตรีจะให้ความเห็นชอบโครงการนี้โดยเร็วต่อไป

3) คณะอนุกรรมการฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ (3.1) การฟื้นฟูอุตสาหกรรมกุ้งไทยให้ได้ผลผลิต 4 แสนตัน ภายในปี 2566 โดยผลผลิตกุ้งทะเลจากการเพาะเลี้ยง ตั้งแต่เดือนมกราคม – มีนาคม 2566 รวมทั้งสิ้น 54,263.82 ตัน คิดเป็น 13.57% ของเป้าหมายผลผลิตปี 2566 แบ่งเป็นในระบบการออกหนังสือกำกับการซื้อขายสัตว์น้า (APD) ปริมาณ 49,673.57 ตัน

จำแนกเป็นกุ้งขาวแวนนาไม 45,323.43 ตัน (91.24%) และกุ้งกุลาดา 4,350.14 ตัน (8.75%) และนอกระบบ APD ปริมาณ 4,590.25 ตัน (3.2) โครงการสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงจระเข้และผู้ประกอบธุรกิจเกี่ยวเนื่อง

กรมประมงเปิดรับสมัครผู้สนใจเข้าร่วมโครงการฯ ตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม 2564 - 30 เมษายน 2565 ซึ่งมีเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงจระเข้และผู้ประกอบธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ยื่นคำขอสมัครเข้าร่วมโครงการฯ ทั้งสิ้น จำนวน 120 ราย ในพื้นที่ 36 จังหวัด ประมาณการความต้องการเงินกู้ จำนวน 425.305 ล้านบาท

โดยการดำเนินงานร่วมกัน ของกองวิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้าจืด กับเจ้าหน้าที่จากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) เข้าศึกษาข้อมูลการจำแนกชนิด การคัดเกรด การตีราคา และการเก็บรักษาหนังจระเข้เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณา (3.3) การตรวจสอบคุณภาพสินค้าปัจจัยการผลิต

โดยกลุ่มควบคุมวัตถุอันตรายและการค้าปัจจัยการผลิต ได้รวบรวมรายงานผลการตรวจสอบปัจจัยการผลิตจากสำนักงานประมงจังหวัด และรายงานผลการตรวจสอบของหน่วยงานในสังกัดกองตรวจสอบเรือประมง สินค้าสัตว์น้ำ และปัจจัยการผลิต (3.4) การประชาสัมพันธ์ส่งเสริมภาพลักษณ์สินค้าสัตว์น้ำ กรมประมง ได้ดำเนินการจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์รูปแบบ Infographic และ Page Facebook “Fish Fact Fun” มีผู้ติดตามจำนวน 642 ราย ดำเนินการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ Infographic/บทความ/วิดีโอ

ในประเด็นที่ช่วยส่งเสริมการสร้างภาพลักษณ์ให้กับสัตว์น้ำไทยอย่างต่อเนื่อง ในประเด็นความยั่งยืนและอาหารปลอดภัยที่เกี่ยวข้องกับการเลี้ยงกุ้งทะเลของประเทศไทย พร้อมทั้งการจัดวางแผนการดำเนินงานจัดนิทรรศการภายในงานสัตว์น้ำไทย ประจาปี 2566 

4) คณะอนุกรรมการพัฒนาผลิตผลผลิตภัณฑ์ประมงและการพาณิชย์ (4.1) โครงการในการยกระดับศักยภาพผู้ประกอบการด้านการแปรรูปสัตว์น้ำรวมทั้งผู้ประกอบการด้านประมง โดยเฉพาะกลุ่มองค์กรชุมชนประมงท้องถิ่นด้านการแปรรูป ที่มีการจดทะเบียนกับกรมประมง จำนวน 436 องค์กร จำนวนสมาชิก 11,067 ราย (18 เมษายน 2566)

โดยกรมประมง มีการเข้าไปดำเนินการยกระดับและพัฒนาศักยภาพ ทั้งด้านการให้ความรู้ทางวิชาการด้านการจัดการหลังการจับ การแปรรูปสัตว์น้ำ และมาตรฐานเกี่ยวการจัดการด้านสุขลักษณะทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติในไตรมาสที่ 1 และ 2 จำนวนทั้งสิ้น 34 แห่ง ใน 20 จังหวัด

(4.2) การออกหนังสือรับรองมาตรฐานการทำการประมงพื้นบ้านอย่างยั่งยืนและการแปรรูปสินค้าประมงพื้นบ้าน

(4.3) โครงการปรับปรุงการทำประมงปูม้าของไทยอย่างยั่งยืน (Thailand Blue Swimming Crab Fishery Improvement Project)

และ (4.4) โครงการปรับปรุงและพัฒนาการทำประมงอวนลากในพื้นที่อ่าวไทย (The Gulf of Thailand Trawl Fishery Improvement Project)

5) คณะทำงานโครงการ Fisherman’s Village Resort (5.1) กรมประมงดำเนินการประชาสัมพันธ์ผ่านทางสื่อออนไลน์ website: Fisherman’s Village Resort และ Facebook FanPage ชื่อ Fisherman’s Village Resort (@fishermansvillage) (5.2) การขับเคลื่อน 1 จังหวัด 1 โครงการ Fisherman’s Village Resort

ดำเนินการขับเคลื่อนผ่านองค์กรชุมชนประมงท้องถิ่นภายใต้โครงการสร้างความเข้มแข็งกลุ่มการผลิตด้านประมง(กิจกรรมสร้างความเข้มแข็งกลุ่มการผลิตด้านการประมง) ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ซึ่งมีองค์กรชุมชนประมงท้องถิ่นเข้าร่วมดำเนินการ จานวน 200 ชุมชน โดยในส่วนของกิจกรรมส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวมี 14 ชุมชน 

6) คณะทำงานส่งเสริมและพัฒนาการกระจายสินค้าประมงจากผู้ผลิตถึงผู้บริโภค

(6.1) มีกิจกรรมร้าน Fisherman Shop โดยปัจจุบันมีการเปิดสาขาทั่วประเทศ 121 สาขา

(6.2) โครงการในการยกระดับผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำระเบียบกรมประมงว่าด้วยการออกตราสัญลักษณ์ประมงธงเขียว พ.ศ. 2565 ซึ่งเป็นตราสัญลักษณ์ที่ยืนยันว่าผลิตภัณฑ์มีความสด สะอาดได้มาตรฐาน ปลอดภัย และใส่ใจสิ่งแวดล้อม ให้กับองค์กรชุมชนประมงท้องถิ่นและผู้ประกอบการด้านการประมง

(6.3) การส่งเสริมการจาหน่ายสินค้าประมงคุณภาพโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนการจำหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำของเกษตรกร ชาวประมงพร้อมส่งเสริมการเพิ่มช่องทางการกระจายสินค้าของหน่วยงานภาครัฐ