อลงกรณ์ โต้"เศรษฐา" ปม"เงินดิจิตอล " เชื่อธนาคารหมู่บ้านยั่งยืนกว่า

10 เม.ย. 2566 | 10:36 น.
อัปเดตล่าสุด :10 เม.ย. 2566 | 11:12 น.

"อลงกรณ์"เชื่อนโยบายธนาคารหมู่บ้านธนาคารชุมชนของประชาธิปัตย์ดีกว่า กระทบหนี้สาธารณะน้อยที่สุด ยั่งยืนกว่านโยบาย"เงินดิจิตอล1หมื่น"ของเพื่อไทย พร้อมฟังข้อโต้แย้ง "เศรษฐา"

ตามที่มีการวิพากษ์วิจารณ์นโยบายแจก"เงินดิจิตอล1 หมื่น"ของพรรคเพื่อไทย ทั้งแง่บวกแง่ลบอย่างกว้างขวาง กรณีดังกล่าว 
นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคและทีมเศรษฐกิจพรรคประชาธิปัตย์เป็นอีกคนหนึ่งที่ออกมาให้ความเห็นในอีกแง่มุมที่น่าสนใจ

โดยเขียนบทความสั้นในเฟซบุ๊ก”อลงกรณ์ พลบุตร”และไลน์ส่วนตัว 

"เงินดิจิตอล & ธนาคารหมู่บ้าน-ชุมชน" : ความต่างของนโยบายพรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาธิปัตย์”

เป็นการนำเสนอวิสัยทัศน์และนโยบายธนาคารหมู่บ้าน-ธนาคารชุมชนของพรรคประชาธิปัตย์ในเชิงเปรียบเทียบกับนโยบายเงินดิจิตอลของพรรคเพื่อไทยไว้อย่างชัดเจนพร้อมเปิดโอกาสนายเศรษฐา ทวีสินโต้แย้งชี้แจงแลกเปลี่ยนมุมมอง

"อลงกรณ์"โต้"เศรษฐา" ปม"เงินดิจิตอล" เชื่อธนาคารหมู่บ้านยั่งยืนกว่า
 

โดยนายอลงกรณ์เขียนไว้ดังนี้

“เงินดิจิตอล VS ธนาคารหมู่บ้าน-ชุมชน ความต่างของนโยบายพรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาธิปัตย์”

กรณีมีการวิจารณ์กันมากเรื่องนโยบายแจกเงินดิจิตอล1 หมื่นของพรรคเพื่อไทยนั้น

ผมสงวนความเห็นไม่กล่าวถึงประเด็นทำได้หรือไม่ ขัดกฎหมายเลือกตั้งหรือไม่ แต่จะเสนอนโยบายพรรคประชาธิปัตย์ให้เห็นเป็นการเปรียบเทียบ นั่นคือ นโยบายธนาคารหมู่บ้านธนาคารชุมชนทุกหมู่บ้านทุกชุมชนใน77 จังหวัด

เป็นการจัดตั้งระบบธนาคารท้องถิ่นเพื่อให้บริการเงินฝากและสินเชื่อรวมทั้งบริการอื่นๆใช้เทคโนโลยีธนาคารดิจิตอล(Fintech) ปัญญาประดิษฐ์(AI)และบล็อคเชน(Blockchain)แบคอัพการบริหาร 
โดยใช้เงิน 2 แสนล้าน เป็นทุนประเดิมเริ่มต้นเป็นเงินหมุนเวียน ไม่ใช่จ่ายครั้งเดียวจบแบบเงินดิจิตอล1หมื่นของพรรคเพื่อไทย
 

"อลงกรณ์"โต้"เศรษฐา" ปม"เงินดิจิตอล 1 หมื่น" เชื่อธนาคารหมู่บ้านยั่งยืนกว่า

สรุปคือ ธนาคารหมู่บ้านและธนาคารชุมชน

1.เป็นการปฏิรูประบบธนาคารใหญ่ที่สุดโดยให้มีระบบธนาคารหมู่บ้านธนาคารชุมชนเป็นครั้งแรกในรอบกว่า100ปีที่มีแต่ระบบธนาคารพาณิชย์ระดับชาติ

2.เป็นสถาบันการเงินเพื่อสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก ชุมชนและครัวเรือนเพื่อแก้ปัญหาการเข้าถึงสินเขื่อและทุนของชาวบ้านทั้งในชนบทและในเมือง

3. ส่งเสริมระบบสินเชื่อเงินฝากและเงินออมโดยชุมชนของชุมชนเพื่อชุมชน

4.เป็นเงินหมุนเวียนกระตุ้นเศรษฐกิจแบบยั่งยืน
สร้างโอกาสทางการค้าธุรกิจการลงทุนสร้างอาชีพสร้างรายได้และเป็นการแก้ปัญหาหนี้สินความยากจนและแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ

5.กรณีต้องใช้สินเชื่อเพื่อการลงทุนจำนวนมากหลักล้านสามารถใช้บริการของกองทุน Startup SME 3 แสนล้าน
 

ผมคิดว่า นโยบายธนาคารหมู่บ้านและธนาคารชุมชน 2 ล้านบาทตอบโจทย์ทั้งการกระตุ้นเศรษฐกิจและการเข้าถึงสินเชื่อของชาวบ้านและพ่อค้าแม่ขายรวมทั้งส่งเสริมการออมระดับครัวเรือนชุมชนหมู่บ้านอย่างยั่งยืนบนหลักการของวินัยการเงินการคลังท้องถิ่น

   นี่คือวิสัยทัศน์และนโยบายธนาคารหมู่บ้านและธนาคารชุมชนภายใต้ยุทธศาสตร์”สร้างเงินสร้างคนสร้างชาติ”ของพรรคประชาธิปัตย์ที่กำหนดนโยบายด้วยความรอบคอบรับผิดชอบต่อวันนี้และอนาคตข้างหน้า

เชื่อว่าจะสร้างความยั่งยืนในระบบการเงินภาคประชาชนและรักษาวินัยการเงินการคลังของประเทศโดยกระทบหนี้สาธารณะน้อยที่สุดดีกว่านโยบายเงินดิจิตอลของพรรคเพื่อไทย หรือคุณเศรษฐา ทวีสินจะโต้แย้งชี้แจงก็ยินดีรับฟังแลกเปลี่ยนมุมมองกันตามวิถีทางประชาธิปไตยครับ