เปิดใจ "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" กับฝันไกลนายกฯ คนที่ 30

24 เม.ย. 2566 | 08:00 น.
อัปเดตล่าสุด :24 เม.ย. 2566 | 09:09 น.

เลือกตั้ง 66 แคนดิเดตนายกฯ "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" กับฝันไกล พร้อมเป็นนายกฯ คนที่ 30 พาก้าวไกลคว้า 160 ที่นั่ง จาก 400 เขต คาดเขตใหม่พรรคก้าวไกลจะสามารถได้ ส.ส. เพิ่มขึ้นอย่างเเน่นอน

เกาะติดเลือกตั้ง 66 กระแสโพลต่างๆ ออกมาในช่วงนี้ ก่อนที่จะถึงวันเลือกตั้ง 14 พฤษภาคม 2566 โดยเฉพาะผลโพลที่วัดว่าใครได้นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี คนที่ 30  เฉพาะคะแนนของ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” แคนดิเดตนายกฯ พรรคก้าวไกล ตีตื้นขึ้นมามีคะแนนนิยมจากคนรุ่นใหม่มากขึ้นกว่าพรรคการเมืองรุ่นเก่าหลายพรรค และมีแนวโน้มที่พรรคจะเติบโตไปข้างหน้า

"เท่าที่ลงพื้นที่หาเสียง พบว่าประชาชนพร้อมเลือกพรรคก้าวไกลทั้งสองใบ เพราะประชาชนเห็นว่า 4 ปีที่ผ่านมา ก้าวไกลทำงานในสภาได้ดี อีกทั้งบัตรสองใบ คนต่างจังหวัดอาจจะชอบคนในพื้นที่ แต่ต้องการเลือกพรรคก้าวไกล ก็ทำได้ บางพื้นที่อาจจะาชอบพรรคเก่า ส่วนคนมาเลือกพรรคก้าวไกล ซึ่งก็มีจำนวนมาก นี่คือความได้เปรียบ"

นี่คือบทสัมภาษณ์ของ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกล กับ “เครือเนชั่น” ระบุว่าพร้อมที่นายกฯ เพราะทำงานร่วมกับทีมงานเต็มที่ มีประสบการณ์ทำงานทั้งภาครัฐ เอกชน ก่อนที่มาเป็น ส.ส. แม้เรื่องประสบการณ์เป็นสิ่งสำคัญ แต่ไม่ใช่ทุกอย่าง

“เกมยุทธศาสตร์เปลี่ยน ต้องทำในสิ่งที่ควบคุมได้ ทำให้ยุทธศาสตร์เข้ากับพรรคก้าวไกล ต้องการเป็นพรรคมวลชน ต้องมี ส.ส. เขตเยอะๆ ต้องวางยุทธศาสตร์ตรงนี้” 

ความแตกต่างของการเลือกตั้งปี 2562 กับ ปี 2566

ความแตกต่างอยู่ที่นอกสภาสังคมเปลี่ยนไปมาก ในสภาพรรคก้าวไกลทำให้เปลี่ยนไปเช่นกัน ปี 62 มีเวลา 2 เดือน ช่วงนั้น ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ต้องการให้เป็นพรรคระดับชาติ ส่ง ส.ส. ครบ 350 เขต เเต่ตอนนี้มีเวลา 2 ปี ที่คัดเลือกผู้สมัครทั้ง 400 เขต ผ่านการคัดเลือก 4 ด่าน ดังนั้นจึงได้ทดสอบผู้สมัครอย่างหนัก เพื่อต่อยอดให้พรรคก้าวไกลเป็นสถาบันทางการเมือง และการเลือกตั้งครั้งต่อไปจะเข้าที่เข้าทางมากขึ้น เพราะถ้าไม่มีธนาธร ไม่มีตนเอง พรรคก้าวไกลก็ไปต่อได้

ข้อครหาพรรคก้าวไกลที่ไม่สามารถร่วมงานกับพรรคการเมืองอื่นได้

"ใครๆไม่รักผมก็ดีใจ เพราะแสดงว่าเรามาถูกทาง และจะซื้อใจเขาให้ได้ เขาเคยมองว่าเราเป็นแกะดำ แต่จริงๆแล้วเราเป็นแกะขาว ที่จะทำให้การเมืองเป็นปกติ ทำให้ระบบเศรษฐกิจทุนนิยมของไทยเป็นปกติ และให้กลไกข้าราชการเป็นปกติ”

ข้อครหาเลยป้ายพรรคก้าวไกลทะลุฟ้า และพรรคก้าวไกลคุมไม่ได้

“ตอนนี้ป้ายขยับแล้ว เชื่อว่าทุกพรรคเวลาดีเบต ยอมรับว่าป้ายมีปัญหา ต้องมีการแก้ไขไม่ให้โทษรุนแรง จบการเลือกตั้งเราก็ไปหารือกันในสภา”

ก้าวไกลพรรคการเมืองซ้ายสุดขั้ว ? 

พรรคการเมืองปัจจุบันไม่มีซ้าย ไม่มีขวา คิดเรื่องเสรีนิยมประชาธิปไตย รัฐสวัสดิการมีความจำเป็น ซึ่งวิธีคิดแบบนี้มีมากขึ้น จึงมองว่าพรรคก้าวไกลเป็นตัวแทนของคน 99 เปอร์เซ็นต์ ที่โดนกดขี่

พรรคก้าวไกลวิพากษ์วิจารณ์นโยบายแจกเงิน

"นิยามคำว่าแจกไม่เหมือนกัน ประชานิยมจะกู้มาแจก แล้วแจกครั้งเดียวจบ ก่อนจะเลือกตั้งถึงมาแจกอีกครั้ง แต่มีการแจกแบบรัฐสวัสดิการ เงินมาจากการรีดไขมันจากงบประมาณ ไม่ใช่คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะโตแล้วเอาเงินในอนาคตมาใช้ และเราแจกแบบไม่พิสูจน์ความจน เพราะหากพิสูจน์ความจนจะตกหล่นตลอด" 

เป้าหมายของพรรคก้าวไกลต้องได้ ส.ส. กี่ที่นั่ง

พิธา ระบุว่า คาดว่าน่าจะทะลุ 100 เสียง ขณะเดียวกันโหวตเตอร์รุ่นใหม่เพิ่มมากขึ้น เมื่อวิเคราะห์แล้วจาก 400 เขต สามารถได้ถึง 160 ที่นั่ง เขตที่ชนะในปี 62 ก้าวไกลจะรักษาเอาไว้ได้ ส่วนเขตใหม่จะสามารถได้ ส.ส. เพิ่มขึ้นเช่นกัน 

คาดหวังว่าจะได้ ส.ส. เขต 50 ที่นั่ง ส่วน ส.ส. บัญชีรายชื่อ ขอให้ได้ตามโพลคาดการณ์เอาไว้ เราใช้นโยบายเข้าหาประชาชน เราจะขยายฐานออกไปยังพื้นที่ชนบทมากขึ้น

คู่แข่งของพรรคก้าวไกล จากการวิเคราะห์หนีไม่พ้นพรรคเพื่อไทย

พิธามองว่า คนที่ไม่ตัดสินใจมีมากขึ้น จึงเชื่อว่าไม่ได้แข่งกันในขั้วเดียวกันเท่านั้น จะมีการข้ามขั้วมาเลือกอีกฝั่งด้วย ที่สำคัญทุกประเทศ หากประชาชนออกมาใช้สิทธิต่ำกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ กระสุนชนะกระแส หากออกมาใช้สิทธิ์ 75 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป กระแสชนะกระสุน โดยคาดว่าจะทำให้ขั้วฝ่ายค้านเดิม จัดตั้งรัฐบาลได้ ก้าวไกลหวังว่าจะเข้ามาเป็นลำดับหนึ่ง แต่ถ้าไม่ได้ ก็ควรจะให้สิทธิพรรคลำดับหนึ่งจัดตั้งรัฐบาลก่อน

ความกังวลเกมยุบพรรค

“ผมไม่กังวล เพราะก้าวไกลไม่ประมาท ทีมกฎหมายค่อนข้างละเอียด ป้องกัน เพื่อไม่ให้ตกม้าตาย และเกมยุบพรรคมีราคาที่เขาต้องจ่ายสูงกว่า”

พรรคก้าวไกลจะสู้ระบบอุปถัมภ์ได้หรือไม่

พิธาระบุว่า มีหัวคะแนนธรรมชาติ การลงพื้นที่ชี้ให้เห็นว่า จุดอ่อนของพรรคก้าวไกลคือไม่มีทรัพย์กร ไม่เอาจากทุนใหญ่ ป้ายอาจจะน้อยไปหน่อย แต่ทุกคนจะเป็นหัวคะแนนให้พรรคได้ เพราะก้าวไกลฝากบอกต่อ ฝากลงโซเชียลมีเดียให้ช่วยเลือก

ฝากไปถึงประชาชน

การเลือกตั้งคือโอกาสของการเปลี่ยนแปลง พรรคก้าวไกลตั้งใจเข้ามาทำงานทางการเมือง ไม่ต้องการมีตำแหน่ง แต่ต้องการเข้าสู่อำนาจรัฐ เพื่อต้องการสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับประชาชน ผ่านยุทธศาสตร์ การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต