"เลขาฯ กกต."แจง ใช้บัตรเลือกตั้งแบบมาตรฐาน ป้องกันบัตรเสีย ประหยัดงบ

01 เม.ย. 2566 | 15:06 น.
อัปเดตล่าสุด :01 เม.ย. 2566 | 15:15 น.

เลขาฯ กกต.แจงใช้บัตรเลือกตั้งแบบมาตราฐาน เหมือนการเลือกตั้งทุกครั้งที่ผ่านมา ชี้ป้องกันบัตรเสียสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน ไม่สับสน ประหยัดงบ สะดวกบริหารจัดการ

นายแสวง บุญมี  เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง โพสต์เฟสบุ๊คส่วนตัว ชี้แจงเรื่องบัตรเลือกตั้ง ว่าในการเลือกตั้ง ส.ส.ทั่วไป พ.ศ. 2566   ใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ คือ แบบบัญชีรายชื่อ และแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง    แม้จะเป็นพรรคเดียวกันแต่เป็นคนละหมายเลข  (เบอร์ )   เป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กกต.เป็นเพียงผู้กำหนดรูปแบบบัตรให้เป็นไปตามกฎหมายเท่านั้น

โดยรูปแบบบัตรเลือกตั้ง   นับแต่มีการเลือกตั้งในประเทศไทยมาจนถึงปัจจุบัน มีรูปแบบบัตรที่ใช้เลือกตั้ง อยู่ 3 ประเภท คือ   บัตรมาตราฐานแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง   คือ บัตรที่มีเฉพาะหมายเลข(เบอร์)ผู้สมัคร   หรือที่ภาษาชาวบ้านเรียกว่าบัตรโหล    จะไม่มีรายชื่อผู้สมัครแต่อย่างใด

 ทุกการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งในประเทศไทยใช้บัตรเลือกตั้งแบบนี้มาโดยตลอด    ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งที่มีเฉพาะแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง   ก่อนรัฐธรรมนูญ ปี 2540 หรือมีการเลือกตั้งแบบบัญชีราบชื่อ หลังปี 2540 ก็ตาม   หมายความว่า ไม่เคยมีชื่อผู้สมัครในบัตรเลือกตั้งแต่อย่างใด

ส่วนรูปแบบบัตรมาตราฐานแบบบัญชีรายชื่อ คือ บัตรที่มีหมายเลขผู้สมัคร(เบอร์) มีสัญญลักษณ์หรือเครื่องหมายของพรรคการเมือง และมีชื่อพรรคในบัตรเลือกตั้ง เริ่มใช้บัตรเลือกตั้งรูปแบบนี้นับแต่รัฐธรรมนูญ ปี 2540 เป็นต้นมา ทุกการเลือกตั้งก็จะใช้บัตรเลือกตั้งนี้มาตลอด 
                  
"เลขาฯ กกต."แจง ใช้บัตรเลือกตั้งแบบมาตรฐาน   ป้องกันบัตรเสีย ประหยัดงบ                      
และบัตรเลือกตั้งแบบเฉพาะ เกิดขึ้นใน ปี 2562 เพื่อรองรับระบบเลือกตั้งแบบคะแนนไม่ตกน้ำตามหลักการของรัฐธรรมนูญ ที่กำหนดให้ทุกคะแนนมีความหมาย บัตรเลือกตั้งรูปแบบนี้ จึงผสมกันระหว่างบัตรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง และแบบบัญชีรายชื่อ ใว้ด้วยกันในใบเดียว และมี 350 แบบ ตามจำนวนเขตเลือกตั้ง

  ในบัตรจะประกอบด้วยข้อมูล    1)  หมายเลขผู้สมัคร(เบอร์)ของผู้สมัครแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง  2)สัญลักษณ์หรือเครื่องหมายพรรคการเมือง   3)ชื่อพรรคการเมือง    แต่ก็ไม่มีชื่อของผู้สมัครแบบแบ่งเขตเลือกตั้งในบัตรแต่อย่างใด
 

นายแสวง กล่าวว่า   บัตรเลือกตั้งปี 2566 แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง และแบบบัญชีรายชื่อ จะ ใชับัตรมาตราฐาน เหมือนการเลือกตั้งทุกครั้งที่ผ่านมา   เว้น ปี 2562 ที่ใช้บัตรเฉพาะตามรัฐธรรมนูญ   โดยข้อดีของบัตรมาตราฐานแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง    มีความชัดเจนแตกต่างจากบัตรแบบบัญชีรายชื่อ

กล่าวคือ นอกจากสีจะต่างกันแล้ว   องค์ประกอบภายในบัตรก็จะต่างกัน    ทำให้ประชาชนสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน ไม่สับสน    เพราะบัตรประเภทหนึ่งมีเพียงหมายเลข ไม่มีตัวหนังสือ และสัญลักษณ์ใด ต่างจากบัตรอีกประเภทหนึ่งมีครบทั้ง 3 อย่าง เป็นการป้องกันบัตรเสียอันเกิดจากความสับสนลักษณ์นี้อีกทางหนึ่งด้วย

ทั้งยังประหยัดงบประมาณเป็นจำนวนมาก เพราะบัตรมาตราฐานพิมพ์  พร้อมกันในครั้งเดียว   แต่บัตรแบบเฉาะเขต ต้องสั่งพิมพ์ 400 ครั้ง ตามจำนวนเขต    เมื่อปริมาณพิมพ์ต่อครั้งมีจำนวนน้อย จะทำให้ค่าพิมพ์ต่อครั้งใช้เงินจำนวนมากขึ้น   และสะดวกในการบริหารจัดการ   นำเวลาที่ต้องมาทำงานธุรการ  

อาทิ การส่งให้ตรงกับเขต    กรณีเป็นแบบเฉพาะ ถ้าส่งผิดเขตจะใช้แทนกันไม่ได้ การพิมพ์บัตรสำรองในแต่ละเขต   ก็ต้องมีสำรองครบตามจำนวนเขต    เพราะใช้แทนกันไม่ได้ เป็นต้น ทำให้สามารถนำเวลาที่เหลือจากงานธุรการไปทำงานอื่นให้เกิดประโยชน์คุ้มค่ามากกว่า