“จุรินทร์”ประกาศ ปชป.พร้อมแล้ว ไพรมารีโหวตผู้สมัคร ส.ส. 25-27 มี.ค.นี้

25 มี.ค. 2566 | 13:12 น.
อัปเดตล่าสุด :25 มี.ค. 2566 | 13:40 น.

“จุรินทร์” ประกาศ ปชป. พร้อมแล้ว! ไพรมารีโหวตผู้สมัครทั่วประเทศ 25-27 มี.ค. เปลี่ยนตัวผู้สมัคร ส.ส. กทม. 4 เขต มั่นใจประชาธิปัตย์ดีขึ้นทั่วประเทศ ลั่น“ทักษิณ”กลับบ้านได้ไม่มีใครห้าม แต่ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม

วันที่ 25 มี.ค. 2566  ที่โรงแรมบลิซ โฮเทล ลาดกระบัง  พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.)  ได้จัดประชุมสมาชิกพรรค เพื่อรับฟังความคิดเห็นการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. แบบแบ่งเขต และ แบบบัญชีรายชื่อ จังหวัดกรุงเทพมหานคร โดยมี นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค เข้าร่วมสังเกตการณ์การประชุม บรรยากาศการทำไพรมารีโหวตของผู้สมัคร ส.ส. กทม. ในวันนี้เป็นไปอย่างคึกคัก มีสมาชิกพรรค และประชาชนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก 

หลังจากเสร็จสิ้นการประชุมในการจัดทำไพรมารีแล้ว หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า เมื่อเสร็จสิ้นการทำไพรมารีในวันที่ 27 ก็จะทราบว่า ทั้ง 400 คน 400 เขต เป็นใคร และบัญชีรายชื่อทั้ง 100 รายชื่อนั้นเป็นใครบ้าง เมื่อทางพรรคได้นำมาจัดทำไพรมารีแล้ว ก็จะทราบผล

สำหรับการที่ กกต. มีการประกาศเขตเลือกตั้งออกมานั้น นายจุรินทร์ กล่าวว่า พรรคมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนตัวผู้สมัครใน กทม. 4 เขต ประกอบด้วย น.ส.สุภัสสรา ธงไชย เขตห้วยขวาง วังทองหลาง นสพ.อนันต์ ฤกษ์ดี เขตหนองจอก ลาดกระบัง และ มีนบุรี น.ส.ศิริภา อินทรวิเชียร เขตธนบุรี คลองสาน ราษฏร์บูรณะ นายสุวัฒน์ ม่วงศิริ เขตบางขุนเทียน จอมทอง เนื่องจาก กกต. มีการปรับเขตเลือกตั้ง ทำให้พรรคจำเป็นต้องปรับตาม ส่วนใน 29 เขต ก็คงเดิมตามที่ได้ประกาศเปิดตัวไปแล้ว 

นายจุรินทร์ กล่าวด้วยว่า เมื่อ “ตระกูลม่วงศิริ” อยู่กับเราแล้ว 2 คน เมื่อนายสุวัฒน์ เข้ามาเพิ่ม ก็จะช่วยให้ทีมกรุงเทพฯ เข้มแข็งขึ้น ก็เชื่อว่ามีโอกาสฝ่ามาได้ทั้ง 3 ท่านในฝั่งธนฯ 

สำหรับผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อนั้น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เรามีครบทั้ง 100 ชื่อ เป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งจะไม่เกิน 100 ชื่อ ที่จะต้องนำไปทำไพรมารี และประชาธิปัตย์ได้ส่งทั้ง 100 ชื่อ ที่ได้ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการสรรหาของพรรคในเบื้องต้น 

โดยจะรอผลจากการทำไพรมารีในวันที่ 27 มี.ค.นี้ก่อนว่าจะเป็นอย่างไร ซึ่งยังไม่สามารถตอบในตอนนี้ได้ ส่วนเรื่องการจัดลำดับบัญชีรายชื่อนั้น ก็จะเป็นเรื่องที่กรรมการสรรหาจะต้องเป็นผู้พิจารณาและส่งให้กรรมการบริหารพิจารณาอีกครั้ง 

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีมีข่าวว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ต้องการกลับประเทศไทย หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ความจริงแล้วก็กลับประเทศได้อยู่แล้วถ้าจะกลับ ไม่มีใครสามารถไปห้ามไม่ให้กลับได้ เพียงแต่เมื่อกลับมาแล้วก็ต้องเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าต้องทำอะไรอย่างไร 

“นายทักษิณ ออกมาพูดในช่วงที่กำลังมีการเลือกตั้งเท่านั้นเอง ส่วนข้อเท็จจริงก็คือ ไม่มีใครไปห้ามไม่ให้กลับได้ เพราะตัว นายทักษิณ เองก็สามารถกลับมาได้อยู่แล้ว เพียงแต่ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม” นายจุรินทร์ ย้ำ

                            “จุรินทร์”ประกาศ ปชป.พร้อมแล้ว ไพรมารีโหวตผู้สมัคร ส.ส. 25-27 มี.ค.นี้

ส่วนที่ผู้สื่อข่าวถามถึงเรื่องการจับขั้วเพื่อรวมเสียงข้างมากในการจัดตั้งรัฐบาล  นายจุรินทร์ ตอบว่า สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ มีหลักที่ได้ประกาศไปแล้วว่า เรายึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งเป็นประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา ใครรวมเสียงข้างมากได้คนนั้นก็เป็นรัฐบาล ที่เหลือก็เป็นฝ่ายค้าน 

เพราะฉะนั้นจึงขึ้นอยู่กับเสียงประชาชนหลังการเลือกตั้งว่า พรรคไหนจะได้เท่าไหร่ แล้วใครจะไปรวมกับใคร กลายเป็นเสียงข้างมากเสียก่อน เพราะฉะนั้นต้องนับหนึ่งที่การเลือกตั้ง ส่วนการจับขั้วนั้นสามารถทำได้ แต่จะเกิดจริงได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับมือประชาชน ใครจะไปจับกับใครอย่างไรก็จับได้ แต่สุดท้ายประชาชนเป็นผู้ให้คำตอบ 

ประชาธิปัตย์จึงบอกว่า เมื่อเรายึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย เราก็เคารพประชาชน เพราะฉะนั้นต้องให้ประชาชนเป็นคนแรกที่ให้คำตอบก่อน ว่าเขาจะให้พรรคไหนเท่าไหร่ และเมื่อถึงเวลานั้น พรรคก็จะพิจารณาว่าจะตัดสินใจทางการเมืองอย่างไร โดยอาศัยที่ประชุมพรรค และต้องเป็นมติด้วย”

นายจุรินทร์ ย้ำว่า “ประชาธิปัตย์นั้นเป็นประชาธิปไตยตัวจริง ตัวจริงทั้งประชาธิปไตยในพรรค และประชาธิปไตยนอกพรรคในระบบประชาธิปไตยสากล นี่คือสิ่งที่เรายึด ใครจะไปจับกับใครก็เป็นเรื่องของพรรคนั้น แต่ประชาธิปัตย์ยังไม่ได้ไปจับกับใคร จึงตั้งหลักไว้ชัดเจนแล้วว่า ก็ต้องรอผลการเลือกตั้ง และเมื่อประชาชนให้คำตอบแล้ว เราก็จะตัดสินใจ เพราะต้องนับหนึ่งด้วยการเคารพเสียงประชาชนก่อน”

                           “จุรินทร์”ประกาศ ปชป.พร้อมแล้ว ไพรมารีโหวตผู้สมัคร ส.ส. 25-27 มี.ค.นี้

ทั้งนี้ ในการรวมเสียงข้างมากนั้น ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นที่เท่าไหร่รวมกับที่เท่าไหร่ แต่อยู่ที่ว่าเมื่อรวมเสียงประชาชนทั้งหมดแล้วใครมากกว่า เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะได้ที่เท่าไหร่ก็สามารถตั้งขั้วหรือจับขั้วรวมกันเป็นรัฐบาลได้ แต่ไม่ได้หมายความว่า ได้รับเลือกตั้งมาเป็นที่ 1 ที่ 2 จะเป็นรัฐบาล ที่ 3 ที่ 4 เป็นฝ่ายค้าน เพราะในการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว พรรคที่ได้คะแนนมาเป็นลำดับ 1 ก็เป็นฝ่ายค้าน ซึ่งก็เกิดขึ้นได้เพราะการรวมเสียง ดังนั้นประชาธิปัตย์ก็มีโอกาสที่จะได้รับเสียงที่อยู่ในระดับที่สามารถรวมเสียงกับพรรคการเมืองอื่นเพื่อตั้งรัฐบาลได้เช่นกัน 

“สถานการณ์การเมืองตอนนี้ หลายพรรคก็ลงมาในขนาดที่พอๆ กัน หรือใกล้เคียงกัน อาจจะยกเว้นบางพรรคที่เสียงอาจจะโด่งไปบ้าง แต่ที่เหลือเสียงก็ใกล้ๆ กัน อาจจะมากน้อยแตกต่างกันอยู่ที่มือประชาชนนั่นแหละ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าประชาธิปัตย์จะไม่มีโอกาส

และประชาธิปัตย์ก็มีโอกาสในการที่จะไปรวมเสียงข้างมากได้ ถ้าเราได้เสียงมากพอ แล้วก็มั่นใจว่าเที่ยวนี้เราจะได้ดีกว่าเดิมในทุกภาค ทั้งปักษ์ใต้ กรุงเทพมหานคร ภาคกลาง ภาคเหนือ อีสาน ในหลายจังหวัดมีเสียงตอบรับดีมาก และผู้สมัครของเราก็มีโอกาสได้รับเลือกตั้งเช่นกัน” นายจุรินทร์ ระบุ