นายยรรยง มุนีมงคลทร ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท เอปสัน ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่าบริษัทสามารถรักษาอัตราการเติบโตเฉลี่ยที่ 5% ในปี 2567 แม้ต้องเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจ โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เติบโตสูง ได้แก่ เครื่องพิมพ์ EcoTank โปรเจคเตอร์ และเครื่องพิมพ์เชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรม ซึ่งช่วยให้เอปสันยังคงครองตำแหน่งผู้นำตลาดในหลายกลุ่ม เช่น เครื่องพิมพ์อิงค์แท็งค์ที่มีส่วนแบ่งตลาด 43% โปรเจคเตอร์ 52% และเครื่องพิมพ์สิ่งทอ 30%
สำหรับปี 2568 บริษัทคาดว่าตลาดจะได้รับแรงกระตุ้นจากการเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัลขององค์กรภาครัฐและธุรกิจ SME ซึ่งจะเพิ่มความต้องการโซลูชันการพิมพ์และโปรเจคเตอร์อย่างมีนัยสำคัญ ขณะเดียวกัน แนวทาง ESG จะมีบทบาทสำคัญในการผลักดันองค์กรไทยสู่การใช้เทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ทั้งนี้ได้วาง 4 กลยุทธ์หลักที่บริษัทนำมาใช้เพื่อขับเคลื่อนการเติบโต ประการแรก คือ การพัฒนานวัตกรรมที่ตอบโจทย์ลูกค้าและสร้าง S-Curve ใหม่ ผ่านกลยุทธ์ SEED ซึ่งประกอบด้วยการรักษาคุณภาพและความน่าเชื่อถือของผลิตภัณฑ์ การควบคุมราคาสินค้าให้สามารถแข่งขันได้ การขยายไลน์สินค้าและโซลูชันใหม่ และการปรับตัวรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของตลาด
ประการที่สอง คือ การพัฒนาเครือข่ายการขายให้ครอบคลุมทั้งตลาด B2B และ B2C โดยขยายช่องทางอีคอมเมิร์ซและตลาดเมืองรอง ส่งเสริมโซลูชัน MPS และ Mix Fleet Solution สำหรับองค์กร รวมถึงสร้างความร่วมมือกับภาคการศึกษา การแพทย์ และหน่วยงานภาครัฐ
ประการที่สาม คือ การยกระดับงานบริการลูกค้าผ่านการพัฒนาระบบติดตามงานขายและบริการแบบเรียลไทม์ บริการสนับสนุนผ่านวิดีโอจากระยะไกล ระบบ AI Chatbot ที่สามารถตอบกลับอัตโนมัติได้ตลอด 24 ชั่วโมง และหลักสูตรอบรมเฉพาะกลุ่มเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานผลิตภัณฑ์ของลูกค้า พร้อมกันนี้ เอปสันยังขยายเครือข่ายศูนย์บริการเป็น 174 แห่งทั่วประเทศ และเพิ่มระยะเวลาจัดหาอะไหล่จาก 5 ปี เป็น 7 ปี เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ใช้ในระยะยาว
ส่วนกลยุทธ์สุดท้าย คือ การมุ่งเน้นความยั่งยืน โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น เทคโนโลยี Heat-Free ในเครื่องพิมพ์ EcoTank การรีไซเคิลกระดาษเพื่อลดการปล่อยคาร์บอน และการร่วมมือกับ WWF และโครงการ EcoWaste เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจหมุนเวียน
“การเปลี่ยนแปลงของตลาดทำให้เอปสันต้องปรับกลยุทธ์อย่างต่อเนื่อง เราจะรักษาความเป็นผู้นำในตลาดเดิมและขยายไปยังตลาดใหม่ผ่านนวัตกรรมและความยั่งยืน เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจและส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียนในประเทศไทย” นายยรรยงกล่าว
ด้วยกลยุทธ์ที่ชัดเจนและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เน้นคุณค่าและความยั่งยืน เอปสัน ประเทศไทย มั่นใจว่าจะสามารถขยายตลาดและเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2568 และในอนาคต
ด้านนางสาวปวีณา ศรีตระกูล หัวหน้าฝ่ายบริหารผลิตภัณฑ์และการตลาด บริษัทเอปสัน ประเทศไทย จำกัด กล่าวเสริมว่าบริษัทมีแผนรุกตลาดในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ โดยในส่วนของเครื่องพิมพ์อิงค์แท็งค์ ตั้งเป้าขยายส่วนแบ่งตลาดเป็น 45% ผ่านการเพิ่มผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Mid-High Segment และแคมเปญ “From Imagination to Reality” บนโซเชียลมีเดีย ขณะที่กลุ่มเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทสำหรับองค์กร ตั้งเป้าเติบโต 20% ผ่านการขยายพันธมิตร โปรแกรม E2E และโซลูชัน Mix Fleet สำหรับเครื่องพิมพ์เชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรม เอปสันจะมุ่งขยายตลาดป้ายโฆษณาและเครื่องพิมพ์ผ้าด้วยเทคโนโลยีอิงค์เจ็ทที่ช่วยประหยัดพลังงาน ด้านกลุ่มโปรเจคเตอร์ บริษัทมีแผนรักษาส่วนแบ่งตลาดภาคการศึกษาผ่านเวิร์กช็อปและการเปิดตัวรุ่นใหม่ พร้อมทั้งขยายตลาดโฮมโปรเจคเตอร์ด้วยแคมเปญ “See Ultra – Go beyond the TV”