“พิรงรอง" เผยแพลตฟอร์มดิจิทัลแห่งชาติ กสทช. ทำการศึกษาเสร็จแล้ว

18 ก.พ. 2568 | 14:47 น.
อัปเดตล่าสุด :18 ก.พ. 2568 | 14:54 น.

“พิรงรอง รามสูต” เผยจัดตั้งแพลตฟอร์มดิจิทัลแห่งชาติ สำนักงาน กสทช. ทำการศึกษาเสร็จแล้ว โทรทัศน์ไทยต้องไปต่อ เพื่อทำหน้าที่เป็นพื้นที่กลางที่เชื่อถือได้

ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.พิรงรอง รามสูต กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ด้านกิจการโทรทัศน์  ได้แสดงวิสัยทัศน์ของโทรทัศน์ไทย ในการประชุมเสวนาวิชาการ “ทีวีไทย ไปต่อ หรือ พอแค่นี้?” ซึ่งจัดขึ้นโดยคณะกรรมการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงาน (กตป.) ด้านกิจการโทรทัศน์ ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ โดยเป็นการแสดงวิสัยทัศน์ผ่านคลิปวิดีโอ

 กสทช.ด้านกิจการโทรทัศน์ กล่าวว่า ปัจจุบันมีแพลตฟอร์มใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย และส่วนใหญ่เป็นแพลตฟอร์มระดับโลกที่ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างมากต่ออุตสาหกรรมโทรทัศน์ของไทย ทั้งนี้ เทคโนโลยี นวัตกรรม และพฤติกรรมการบริโภคส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบกิจการภายในประเทศ นอกจากนี้ เทคโนโลยีการลงโฆษณาแบบเจาะจงกลุ่มเป้าหมาย (addressable advertising) และ เอไอยังเป็นเครื่องมือที่จะเปลี่ยนข้อมูลของผู้ใช้แพลตฟอร์มเป็นทรัพยากรที่นำมาควบคุมการบริโภคสื่ออีกทีหนึ่ง ซึ่งเกิดคำถามว่าจะมีผลต่อความคิดค่านิยมและการดำเนินชีวิตของผู้คนในสังคมอย่างไร

จากการสำรวจการรับชมทีวีตามผังรายการเนื้อหาที่คนยังดูอยู่ทีวีพื้นฐานคือรายการข่าวที่คนจะมีประสบการณ์ร่วมกันและกลุ่ม Streaming ยังทำไม่ได้ ที่น่าเสียดายคือรายการเด็กและสารคดีซึ่งคนดูทีวีผ่านสตรีมมิ่ง อุปกรณ์ออนไลน์มากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นโครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ตจะเป็นกลไกสำคัญในการส่งผ่านเนื้อหา คู่แข่งของทีวีดาวเทียม

 ในขณะที่ตัวเลขยอดผู้ชมและปฏิสัมพันธ์ (engagement) มีผลต่อรายได้ของสื่อ และเนื้อหาที่ไม่มีมาตรฐานคุณภาพอาจได้รับความนิยมมากกว่าเนื้อหาที่มีสาระ นอกจากนี้ ผู้ชมแต่ละคนอาจเลือกรับสื่อเฉพาะในเรื่องที่ตนเองสนใจ บวกกับการแพร่กระจายของข่าวลวง (disinformation) ดังนั้น บทบาทของรายการโทรทัศน์ที่มีคุณภาพจึงยิ่งทวีความสำคัญ

“โทรทัศน์น่าจะเป็นพื้นที่ตรงกลาง เป็นพื้นที่สาธารณะที่ทำให้คนมีความเข้าใจและเชื่อมโยงในสิ่งที่เป็นประเด็นร่วมกันของสาธารณะ ที่ควรจะมีนโยบายสาธารณะร่วมกัน”

พิรงรอง รามสูต

ก่อนหน้านี้ สำนักงาน กสทช. และบริษัทที่ปรึกษาได้เคยศึกษาฉากทัศน์ของกิจการโทรทัศน์ไทย ซึ่งชี้ให้เห็นว่า หากไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดๆ อุตสาหกรรมโทรทัศน์ไทยจะมีแนวโน้มถึงกาลล่มสลาย ทั้งนี้ กสทช. มีการดำเนินการเพื่อสนับสนุนกิจการโทรทัศน์ไทยให้เดินหน้าต่อไปได้ ส่วนในฉากทัศน์ที่ดีที่สุดคือมีการลงทุนและสนับสนุนเต็มที่ เพื่อให้ผู้ประกอบการของไทยทั้ง broadcaster และผู้ผลิตเนื้อหาสามารถไปแข่งขันในระดับโลกได้ อย่างไรก็ตาม รัฐต้องดูแลคนที่ไม่มีทุน ไม่สามารถเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐาน เทคโนโลยี และบริการสตรีมมิ่งให้ยังสามารถรับสื่อและข้อมูลข่าวสารที่มีคุณภาพได้

“อย่างน้อย ต้องมีการลงทุน เสริมศักยภาพให้ผู้ประกอบการทีวีไทยอยู่ต่อไปได้ ไม่ใช่แค่ทีวีดิจิตอลแต่รวมถึง เคเบิ้ล สื่อชุมชน สื่อท้องถิ่นมีการปรับตัว” กสทช.ด้านกิจการโทรทัศน์ กล่าว

 ศ.กิตติคุณ ดร.พิรงรอง กล่าวว่า ได้มีการกำหนดแนวทาง วางเป้าหมาย ทำตามหน้าที่ของ กสทช. รวมถึงสนับสนุนกลไกภาครัฐทั้งเชิงกฎระเบียบและเชิงระบบ ทั้งเทคโนโลยีและเชิงสังคม เช่น ประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์การสนับสนุนรายการที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ประกาศ กสทช. เรื่องมาตรการส่งเสริมการรวมกลุ่มของผู้รับใบอนุญาต ผู้ผลิตรายการ และผู้ประกอบวิชาชีพสื่อสารมวลชนที่เกี่ยวกับกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (ร่างแก้ไขปรับปรุง) ประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์การส่งเสริมชุมชนที่มีความพร้อม และสนับสนุนผู้ประกอบกิจการบริการชุมชนที่มีคุณภาพ และมี (ร่าง) ประกาศ กสทช. เรื่อง การให้บริการแพร่เสียงแพร่ภาพผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ซึ่งเกี่ยวกับการกำกับดูแล OTT ที่ยังมีความเห็นไม่ตรงกันใน กสทช.

 นอกจากนี้ ยังมีโครงการศึกษาการจัดตั้งแพลตฟอร์มดิจิทัลสำหรับดูโทรทัศน์ในระดับชาติ (BVOD) ตามที่สมาคมทีวีดิจิทัลแห่งประเทศไทยเสนอ ซึ่งคณะทำงานของสำนักงาน กสทช. ทำการศึกษาเสร็จแล้ว แนวทางน่าจะใช้แพลตฟอร์มที่มีอยู่เดิมและปรับเกณฑ์ต่างๆ ให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น และมีการทบทวนวิธีการเข้าสู่การเป็นผู้รับใบอนุญาตภายหลังจากที่ใบอนุญาตปัจจุบันจะหมดอายุในปี 2572 ว่าใช้วิธีการอื่นได้หรือไม่ที่ไม่ใช่การประมูล

ภารกิจสำคัญอีกประการหนึ่งคือ การทำ Roadmap สำหรับกิจการโทรทัศน์ คาดว่าจะเสร็จภายในไตรมาส 2 ของปีนี้ ซึ่งจะเชิญทุกภาคส่วนของอุตสาหกรรมโทรทัศน์ไทยมาพูดคุยเพื่อประเมินและพัฒนา Roadmap นี้ร่วมกัน

“เป้าหมายสุดท้าย โทรทัศน์อาจไม่ใช่ public sphere ภาพเดิมแบบที่เราเคยเห็น เป็นพื้นที่แห่งการสร้าง public opinion ที่เป็นเหตุเป็นผล เคารพสิทธิ์ทุกคน คนจากทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมสร้างพื้นที่สาธารณะได้ แต่อย่างน้อยเป้าหมายที่ กสทช.ด้านกิจการโทรทัศน์มองคือทำอย่างไร ให้โทรทัศน์ที่เป็นโทรทัศน์ของประเทศเป็นพื้นที่ที่ trusted มากขึ้น เชื่อถือได้ ไว้ใจได้ เราต้องเสริมแรงในทางเศรษฐกิจให้กิจการโทรทัศน์อยู่ได้ ในขณะเดียวกันเรื่องจริยธรรม การแก้ปัญหา การเฝ้าระวัง disinformation  เพิ่มการรู้เท่าทันสื่อและการส่งเสริมสิทธิของผู้ที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะในภาคประชาชนต่างๆ เป็นสี่เสาหลักที่เราตั้งเป้าให้โทรทัศน์ไทยได้ไปต่อและไปถึง” กสทช.ด้านกิจการโทรทัศน์ กล่าว

ศ.กิตติคุณ ดร.พิรงรอง กล่าวย้ำว่า ในการทำงานของ กสทช. มีทั้งการใช้กฎระเบียบและการส่งเสริม โดยเน้นการส่งเสริมมากกว่า และเป็นเวทีกลางให้ทุกภาคส่วนสามารถทำงานและสร้างความร่วมมือกันได้

ทั้งนี้ ในตอนท้าย ผู้จัดงานประชุมเสวนาวิชาการดังกล่าวยังได้เปิดคลิปที่ ศ.กิตติคุณ ดร.พิรงรอง กล่าวขอบคุณผู้ที่ส่งกำลังใจมาให้จากทุกช่องทาง เนื่องจากถูกศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พิพากษาจำคุกเป็นเวลา 2 ปี ไม่รอลงอาญา หลังจากถูกฟ้องโดยบริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป ผู้ให้บริการทรูไอดี ในข้อหาเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามมาตรา 157 กรณีสำนักงาน กสทช. ออกหนังสือเตือนผู้รับใบอนุญาตของ กสทช. เกี่ยวกับการเผยแพร่เนื้อหาทีวีดิจิทัลที่มีโฆษณาแทรก ซึ่งปัจจุบันได้รับอนุมัติให้ประกันตัวระหว่างอุทธรณ์

“ในเรื่องของกฎหมายคงจะดำเนินการต่อไปตามขั้นตอน ในส่วนหน้าที่การงานยืนยันว่าจะคงทำหน้าที่้เพื่อประโยชน์สาธารณะ ด้วยความสุจริตอย่างต่อเนื่องต่อไป” ศ.กิตติคุณ ดร.พิรงรอง กล่าว.