หลายคนกำลังกังวลกับพายุโซนร้อน “ซูลิก” ที่มีความรุนแรงน้อง ๆ พายุ”ยางิ” ซึ่งคาดขึ้นฝั่งเวียดนาม 21 ก.ย.นี้ หลังจากนั้นจะฟาดหางมาทางภาคเหนือ ภาคอีสานตอนบนของไทย ทำให้ฝนตกหนักอีกรอบระหว่างวันที่ 21-23 ก.ย.นี้ ขณะที่แทบทุกภาคของไทยโดนอิทธิพลจากร่องฝนที่เลื่อนลงมา ทำให้ฝนตกหนักถึงวันที่ 24 ก.ย.
วันนี้ “ฐานเศรษฐกิจ” พาไปรู้จักเครื่องมือของ Google มีนำเอาความสามารถของ AI มาใช้ในการพยากรณ์อากาศแบบเรียลไทม์ สามารถพยากาณ์ล่วงหน้าได้ 7 วัน ช่วยให้เตรียมตัวรับมือกับน้ำท่วมล่วงหน้าได้ดีขึ้น
Google Flood Hub เป็นแพลตฟอร์มที่พัฒนาโดย Google เพื่อคาดการณ์และแจ้งเตือนเหตุการณ์น้ำท่วมล่วงหน้า โดยใช้ข้อมูลเชิงลึกจากการวิเคราะห์และประมวลผลข้อมูลหลายประเภท เช่น สภาพอากาศ ภูมิประเทศ และข้อมูลประวัติการเกิดน้ำท่วม เพื่อทำนายระดับน้ำท่วมในพื้นที่เสี่ยง ช่วยในการเตรียมตัวรับมือกับน้ำท่วมล่วงหน้าได้ดีขึ้น
Google Flood Hub อัปเดตข้อมูลการคาดการณ์น้ำท่วมเป็นรายวัน โดยข้อมูลคาดการณ์นี้สามารถทำนายได้ล่วงหน้าถึง 7 วัน จากเดิมที่เคยให้ข้อมูลล่วงหน้าได้เพียง 48 ชั่วโมง โดยใช้ข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ เช่น การพยากรณ์อากาศและภาพถ่ายดาวเทียม การผสมผสานเทคโนโลยี ช่วยให้ Google Flood Hub สามารถให้การพยากรณ์ที่แม่นยำและเป็นประโยชน์ในการเตรียมการรับมือน้ำท่วม
จุดเด่นของ Google Flood Hub
- พยากรณ์น้ำท่วมล่วงหน้าได้ถึง 7 วัน ใช้ AI และข้อมูลจากหลายแหล่ง เช่น พยากรณ์อากาศ ภาพถ่ายดาวเทียม และแบบจำลองทางอุทกวิทยา เพื่อคาดการณ์พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมล่วงหน้า และคาดการณ์ว่า ระดับน้ำจะลดลงเมื่อใด
- สามารถแสดงข้อมูลปริมาณน้ำและพื้นที่ได้รับผลกระทบ โดยจะบอกระดับน้ำที่คาดการณ์ไว้ในแต่ละพื้นที่ และแสดงแผนที่แสดงพื้นที่ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม
- การใช้งาน ครอบคลุมพื้นที่ใน 80 ประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยด้วย รองรับภาษาไทย
เครื่องมือนี้ จะมีส่วนช่วยลดความเสียหายจากน้ำท่วม โดยมีโอกาสเพิ่มความปลอดภัยให้กับประชาชนในพื้นที่เสี่ยง หรือช่วยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถบริหารจัดการน้ำและให้ความช่วยเหลือได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นครับ โดยเฉพาะกับพื้นที่ ที่ต้องรับมวลน้ำจากแนวแม่น้ำต่าง ๆ ก็จะมีเวลาเตรียมตัวรับมือได้เร็วขึ้นด้วย
เทคนิคที่ใช้ใน Google Flood Hub:
Machine Learning (ML): Google Flood Hub ใช้เทคนิคการเรียนรู้ของเครื่องเพื่อสร้างโมเดลการทำนายน้ำท่วม โดยโมเดลนี้จะเรียนรู้จากข้อมูลในอดีต เช่น ปริมาณฝน ระดับน้ำในแม่น้ำ และลักษณะภูมิประเทศ เพื่อคาดการณ์ความเป็นไปได้ของน้ำท่วมในอนาคต
Hydrological Modeling: โมเดลที่ใช้ในการจำลองการไหลของน้ำในแม่น้ำและภูมิประเทศ เพื่อทำนายระดับน้ำท่วมในสถานการณ์ต่าง ๆ
Satellite Imagery & Remote Sensing: ใช้ข้อมูลจากภาพถ่ายดาวเทียมและเทคโนโลยีตรวจจับระยะไกลเพื่อวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงของน้ำและพื้นที่ รวมถึงการตรวจจับน้ำท่วมที่เกิดขึ้นแล้วในพื้นที่บางส่วน
AI for Social Good: Flood Hub เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ AI for Social Good ของ Google ซึ่งใช้ปัญญาประดิษฐ์เพื่อแก้ปัญหาทางสังคม โดย Flood Hub เน้นไปที่การช่วยชีวิตและลดความเสียหายจากภัยพิบัติน้ำท่วม