จากกรณีที่ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT เตรียมปรับอัตราค่าบริการแพลตฟอร์มขออนุญาตนำเข้าส่งออก National Single Window หรือ NSW ซึ่งเป็นบริการแลกเปลี่ยนเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้า-ส่งออกกับหน่วยงานต่างๆ นั้น
ล่าสุด ตัวแทนผู้ประกอบการสินค้าเร่งด่วนทางบก จากจังหวัดมุกดาหาร เปิดเผยว่า หาก NT ปรับอัตราค่าบริการใหม่ ด้วยการคิดค่าบริการเป็นรายชิ้น จากเดิมที่คิดค่าบริการค่าขนส่งแบบเหมาตู้ ผู้ประกอบการจะได้รับผลกระทบจากต้นทุนที่สูงขึ้น ประสบปัญหาขาดทุน สุดท้ายธุรกิจไม่สามารถไปต่อได้
“ธุรกิจขนแบบเอ็กซ์เพรสทางบก เพิ่งเป็นธุรกิจใหม่เปิดให้บริการปีนี้เป็นปีที่ 3 หากปรับราคาขึ้นมาในช่วงเศรษฐกิจขาลงอุตสาหกรรมขนส่งได้รับผลกระทบอยากให้ภาครัฐเข้ามาตรวจสอบและสอบถามกับผลกระทบที่เกิดขึ้นเช่นเดียวกัน”
ด้านนางกอบกาญจนา วีระพงษ์ประดิษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เน็ตเบย์ จำกัด (มหาชน) หรือ NETBAY ผู้ได้รับอนุญาตให้บริการเชื่อมโยงข้อมูล ระบบ NSW กล่าวเพิ่มเติมว่า เน็ตเบย์ ไม่ได้เป็นคู่กรณีโดยตรงกับ NT เนื่องจาก เน็ตเบย์ เป็นตัวกลางเชื่อมโยงข้อมูลให้กับผู้ประกอบการโลจิสติกส์ ดังนั้นหากมีการปรับอัตราค่าบริการเพิ่มเติมจากปาร์ตี้อื่นผู้ได้รับผลกระทบสุดท้าย คือ ผู้บริโภค เพราะ ผู้ประกอบการต้องผลักภาระส่วนนี้ออกไปอยู่ดี ดังนั้นหากมีการปรับขึ้นราคาใหม่ อุตสาหกรรมโลจิตส์ติกส์ทั้งอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบทั้งหมด
“อยากให้ผู้ที่เกี่ยวข้องช่วยพิจารณา เพราะเศรษฐกิจชลอตัว เราควรรักษาสมดุลย์ให้ผู้ประกอบการทำธุรกิจต่อไปได้ ภาครัฐดำเนินการต่อได้ ขณะเดียวกันไม่ให้มีผลกระทบลงไปในตลาดจนมากเกินไป ควรช่วยกันพิจารณาภาครวมเชิงบวกของประเทศมากกว่าสร้างผลกระทบ”
นางกอบกาญจนา กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ก่อนหน้านี้ได้ส่งหนังสือไปยังรัฐบาลชุดที่แล้ว เนื่องจากผู้ประกอบการขอให้ช่วยรวบรวมเสียงส่งสะท้อนส่งไปยังรัฐบาลหากปรับราคาจะได้รับผลกระทบเพิ่มขึ้นตามลำดับ
“เราได้ทำหนังสือไปยังสำนักนายกรัฐมนตรีแล้วฯ แม้ว่าจะเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีคนใหม่ แต่อยู่ภายใต้พรรคเดิม อยากให้รัฐบาลพิจารณาแบบ WIN WIN เพื่อให้ทุกภาคส่วนมีทางออกในเรื่องนี้” นางกอบกาญจนา กล่าว.