ศ.คลินิก นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธานกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ และ กิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. เปิดเผยภายหลังจากการประชุมบอร์ด กสทช. ว่า ที่ประชุมบอร์ด กสทช. ในวันนี้ 20 มีนาคม 2567 ยังไม่ได้รับพิจารณาแนวทางสนับสนุนโครงการ USO หรือ โครงการจัดให้มีการบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงและเพื่อสังคมในพื้นที่ ขาดแคลน หรือยังขาดบริการที่ทั่วถึง ของแผนปฏิบัติการจัดให้มีบริการโทรคมนาคม พื้นฐานโดยทั่วถึงและบริการเพื่อสังคม ประจำปี 2565 มูลค่า 6.6 พันล้านบาท เนื่องจากสำนักงาน กสทช.ยังขาดรายละเอียดบางอย่าง ในหลายพื้นที่ จึงได้มอบหมายให้สำนักงานไปจัดทำรายละเอียดโครงการ USO เพื่อนำเสนอที่ประชุมบอร์ด กสทช.ในสัปดาห์หน้า
“โครงการ USO ต้องเสร็จให้ทันภายในเดือนพฤษภาคม 2567 ซึ่งเป็นไปตามแผนปฏิบัติการจัดให้มีบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงและบริการเพื่อสังคม ประจำปี 2565 ฉบับที่ 3 ภายใต้แผนการจัดให้มีบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงและบริการเพื่อสังคม ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2565) ดังนั้นโครงการดังกล่าวต้องเสร็จให้ทันเดือนพฤษภาคมนี้”
ด้านนายสมภพ ภูริวิกรัยพงศ์ กรรมการ กสทช.ด้านโทรคมนาคม กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า แม้ว่า บอร์ด กสทช.หลายคนมีความประสงค์อนุมัติโครงการให้แล้วเสร็จเพื่อให้ทันกับกรอบเวลาในช่วงเดือนพฤษภาคม 2567 นี้
อย่างไรก็ตามการประชุมบอร์ด กสทช. พบว่าสำนักงาน กสทช.ยังไม่สามารถสรุปจุดให้บริการที่เป็นรายละเอียดอย่างเพียงพอ ในรัศมีที่จะให้บริการ อาทิ การแบ่งโซนพื้นที่ไกล ปานกลาง ใกล้ และมีข้อสังเกตเรื่องงบการบำรุงรักษาภายหลังจากโครงการดำเนินแล้วเสร็จ 5 ปี ว่าจะให้ใครรับผิดชอบการดูแลในส่วนดังกล่าวหรือจะเอางบประมาณจากส่วนใดมาดำเนินการ นอกจากนี้ ยังมีโมเดลการดำเนินการติดตั้งว่าจะสนับสนุนเฉพาะไวไฟ หรือ จัดหาอุปกรณ์การลากสาย และในสเกลใหญ่สุดการหาสถานที่อุปกรณ์และอินเทอร์เน็ต
สำหรับโครงการบริการโทรคมนาคม พื้นฐานโดยทั่วถึงและบริการเพื่อสังคมงบประมาณ 6,000 ล้านบาท จะใช้เงินลงทุนจากกองทุน USO หรือกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ โดยสำนักงานกสทช. แบ่งมูลค่าการลงทุนดังนี้
1.ขยายระบบโทรคมนาคมเพื่อสาธารณสุข ให้มุ่งเน้นโรงพยาบาลสุขภาพตำบล (รพ.สต.) เป็นหลัก เพื่อให้ รพ.สต. สามารถเข้าถึงบริการโทรคมนาคมได้ ภายใต้กรอบงบประมาณ 4,000 ล้านบาท โดยรวมจุดบริการทั้งหมด 2,593 แห่ง ซึ่งประเภทบริการและจำนวนพื้นที่เป้าหมาย อาจมีการปรับเปลี่ยนตามข้อเท็จจริง
2.ขยายระบบโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์สาธารณะภายใต้กรอบงบประมาณ 1,372 ล้านบาท ให้มุ่งเน้นไปที่ระบบโรงเรียนเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนในพระบรมราชูปถัมภ์ โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน โรงเรียนภายใต้กองทุนเพื่อการศึกษา รวมทั้งโรงเรียนที่ยังไม่ได้รับการสนับสนุนจากโครงการใด หรือ โรงเรียนในพื้นที่ตกหล่น
3.ระบบโทรคมนาคมเพื่อความมั่นคง ภายใต้กรอบงบประมาณ 1,350 ล้านบาทในกรณี 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) กำหนดหมู่บ้านในพื้นที่เป้าหมายและความต้องการ ในกรณีด่านตรวจคนเข้าเมือง ให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) กำหนดพื้นที่เป้าหมายและความต้องการ โดยจะดำเนินการติดตั้งพื้นที่เป้าหมายจำนวน 115 แห่ง.