ในยุคที่เทคโนโลยีเจริญรุดหน้าอย่างก้าวกระโดด AI กลายเป็นเทคโนโลยีแห่งยุคที่เข้ามาช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมต่างๆ ให้เกิดการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล (digital transformation) การนำเทคโนโลยี AI มาปรับใช้ไม่เพียงจะช่วยปลดล็อคศักยภาพทางเศรษฐกิจของประเทศไทย แต่ยังนำมาซึ่งโอกาสใหม่ ๆ สำหรับทุกภาคส่วนในอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ผู้ประกอบการธุรกิจ และบุคคลทั่วไป
หัวเว่ย มุ่งมั่นที่จะสนับสนุนการใช้งานเทคโนโลยี AI ที่กำลังรุ่งเรืองนี้ จึงได้ประกาศแผนกลยุทธ์การพัฒนา AI ที่สอดรับต่อการเปลี่ยนแปลงและโอกาสใหม่ ๆ เพื่อเสริมความแกร่งให้ประเทศไทยสามารถใช้ประโยชน์จากความอัจฉริยะต่างๆ และขับเคลื่อนการพัฒนาธุรกิจต่อไปได้ ผ่านการแบ่งปันเทคโนโลยี การผสานความร่วมมือ และการผนึกกำลังภายในระบบนิเวศ (ecosystem integration) กลยุทธ์ดังกล่าวยังมุ่งเน้นที่จะปรับภูมิทัศน์ดิจิทัลของประเทศไทย ให้สอดรับกับวิสัยทัศน์ของรัฐบาลไทยในการเดินหน้าสู่การเป็นศูนย์กลางด้าน AI ของอาเซียน
นายเดวิด หลี่ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวย้ำถึงพันธกิจของกลุ่มธุรกิจโซลูชัน ประมวลผลคลาวด์ของหัวเว่ย ในการขับเคลื่อนการพัฒนาเทคโนโลยีคลาวด์และ AI ในประเทศไทย “ในโลกอัจฉริยะทุกวันนี้ ปรากฏการณ์ความก้าวล้ำของเทคโนโลยี AI ไม่เพียงแค่เป็นที่รับรู้กันเท่านั้น แต่ยังก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงตามมาอีกมากมาย ความสามารถของ AI พัฒนาขึ้นจากการรับรู้และความรู้คิด ต่อยอดไปสู่การสร้างคอนเทนต์ ดังนั้น แอปพลิเคชันAIต่างๆ จะค่อยๆ พัฒนาต่อยอดจากแอปพลิเคชันสำหรับผู้บริโภคทั่วไป ไปสู่แอปพลิเคชันสนับสนุน และสุดท้ายจะกลายมาเป็นแอปพลิเคชันหลักของธุรกิจ
ภายในอีก 2 ปีข้างหน้า เราเชื่อว่าอุตสาหกรรมธุรกิจกว่า 50% จะนำ AI มาใช้เพื่อปลดล็อคศักยภาพและสร้างโอกาสใหม่ ตีเป็นมูลค่าหลายล้านล้านเหรียญให้กับธุรกิจ หัวเว่ย จึงตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งที่ได้ผนึกกำลังร่วมกับรัฐบาลไทยในการนำเทคโนโลยี AI มาใช้เพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ ประเทศไทย 4.0 เราจะนำความเชี่ยวชาญในประเทศไทย ความชำนาญในอุตสาหกรรม กลยุทธ์การสร้างระบบนิเวศ และพันธกิจด้านความมั่นคงปลอดภัย มาช่วยขับเคลื่อนให้ประเทศไทยได้ก้าวสู่แถวหน้าของยุคปฏิวัติ AI เราจะเดินหน้าสำรวจยุคAIแห่งอนาคตไปด้วยกันพร้อมกับคนไทย วัฒนธรรมไทย และนวัตกรรม โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
พร้อมกันนี้ หัวเว่ย ได้เผยกลยุทธ์ 3 เสาหลัก ในการนำเทคโนโลยี AI มาใช้ในการพัฒนาประเทศไทย ดังนี้
• AI เพื่อประเทศไทย – ส่งเสริมการใช้งานโซลูชัน AI ของ HUAWEI CLOUD โดยผนึกกำลังร่วมกับหน่วยงานภาครัฐในจัดทำกลยุทธ์การพัฒนาเทคโนโลยี AI และคลาวด์ โดยมุ่งผลักดันการสร้างรัฐบาลดิจิทัล ระบบเศรษฐกิจแบบหลากหลาย และความมั่นคงปลอดภัยทางดิจิทัลของประเทศ รวมไปถึงการวางรากฐานที่แข่งแกร่งให้กับ HUAWEI CLOUD AI ในการเข้าสู่ประเทศไทย นอกจากนี้ หัวเว่ย วางแผนที่จะปลดล็อคศักยภาพ AI ด้วยระบบ AI ภาษาไทย เพื่อช่วยต่อยอดความคิดสร้างสรรค์ของคนไทย และผลักดันการพัฒนาความสามารถมนุษย์ AI ของประเทศไทย
• AI เพื่ออุตสาหกรรม – ภายในอีก 2 ปีข้างหน้า กว่า 50% ของอุตสาหกรรมหลัก เช่น ภาคบริการสาธารณะ อุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพ ภาคเกษตรกรรม ธุรกิจบริการทางด้านการเงิน จะนำ AI มาใช้เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มในระดับอุตสาหกรรม ข้อมูลจากแผนปฏิบัติการด้านปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติ คาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมAIของไทยจะมีมูลค่าแตะ 4.8 หมื่นล้านบาท ภายในปี 2570 ดังนั้น หัวเว่ยจะใช้ HUAWEI CLOUD เป็นแพลตฟอร์มในการพัฒนาอุตสาหกรรม โดยมุ่งเน้นในภาคธุรกิจการเงินและค้าปลีก เพื่อเร่งขับเคลื่อนความเป็นดิจิทัลให้กับอุตสาหกรรมของประเทศไทย และสร้างการเติบโตในอุตสาหกรรมใหม่ให้กับประเทศชาติ
• AI เพื่อระบบนิเวศ – ในการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลของอุตสาหกรรมหนึ่ง ๆ ต้องอาศัยความร่วมมือของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายในยุค AI ดังนั้น ระบบนิเวศที่เพียบพร้อมคือกุญแจสำคัญ หัวเว่ยให้ความสำคัญกับพาร์ทเนอร์และระบบนิเวศของอุตสาหกรรมมาโดยตลอด โดยหัวเว่ยให้ความสนับสนุนพาร์ทเนอร์ทั่วโลกกว่า 48,000 ราย และร่วมเป็นพาร์ทเนอร์ทางยุทธศาสตร์กับบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำทั่วโลก
หัวเว่ยได้จัดตั้งโครงการเพื่อพัฒนานักพัฒนาเทคโนโลยี AI จำนวน 20,000 คนภายใน 3 ปี นอกจากนี้ หัวเว่ยจะร่วมขับเคลื่อนชุมชนนักพัฒนาเพื่อส่งเสริมการเติบโตของระบบนิเวศ AI ในประเทศไทยและสนับสนุนพาร์ทเนอร์และสตาร์อัพไทยในการพัฒนาแอปพลิเคชัน AI ให้ก้าวสู่ระดับภูมิภาค
ด้านนายมาร์ค เฉิน ประธานฝ่ายขายโซลูชันประมวลผลคลาวด์ของหัวเว่ย กล่าวเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลยุทธ์การพัฒนา AI ของหัวเว่ยว่า“ขณะที่เราเดินทางเข้าสู่ยุคแห่งการระเบิดของเทคโนโลยี เราฉลองให้กับการความสำเร็จอย่างต่อเนื่องของเทคโนโลยี AI และคลาวด์ ไม่ว่าจะเป็นการประมวลผล การแปลงข้อความเป็นเสียงพูด ไปจนถึงการรู้จำเสียงพูด ทั้งหมดล้วนนำไปสู่ความเป็นไปได้ที่ไร้ขีดจำกัดในอนาคต กลยุทธ์ของหัวเว่ยยังมุ่งเน้นที่การลงทุนมหาศาลในด้านเทคโนโลยี การผนึกกำลังกับพาร์ทเนอร์วโลก และการมีส่วนร่วมอย่างใกล้ชิดกับทุกภาคส่วนในอุตสาหกรรมเพื่อพัฒนาโซลูชันที่เฉพาะเจาะจง สำหรับในประเทศไทย หัวเว่ยไม่เพียงแค่มุ่งเปิดตัวเทคโนโลยีล้ำยุคแต่ยังเข้ามามีส่วนร่วมกับประเทศไทยอย่างต่อเนื่องในกระบวนการเปลี่ยนผ่านสู่เทคโนโลยีดิจิทัลของประเทศ เมื่อปี พ.ศ. 2564 ที่ผ่านมา เราได้เปิดตัวแพลตฟอร์มผานกู่ (Pangu AI) ซึ่งออกแบบขึ้นเพื่อให้สามารถใช้งานได้ในหลากหลายอุตสาหกรรม จึงไม่เพียงช่วยยกระดับประสิทธิภาพในการปฏิบัติการแต่ยังสามารถรับมือกับความท้าทายเฉพาะตัวของแต่ละอุตสาหกรรมได้ด้วย ความเชี่ยวชาญของเรายังขยายรวมไปถึงการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ วิศวกรรมซอฟท์แวร์ กระบวนการผลิต และการจัดหาโซลูชัน เป็นต้น จากประสบการณ์ที่สั่งสมจากอุตสาหกรรมเหล่านี้ ทำให้หัวเว่ยมองเห็นศักยภาพของ AI ในการเข้ามาปรับปรุงคุณภาพชีวิตของผู้คนได้อย่างชัดเจน”
ปัจจุบัน หน่วยงานภาครัฐและองค์กรธุรกิจหลายแห่งตระหนักถึงโอกาสและความสำคัญของAIในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่เทคโนโลยีดิจิทัล การพัฒนาระบบเศรษฐกิจของประเทศ รวมไปถึงการยกระดับความสามารถทางการแข่งขันของธุรกิจ หัวเว่ยให้บริการโซลูชันแก่หน่วยงานภาครัฐกว่า 800 แห่ง ลูกค้าด้านการเงินกว่า 500 ราย และผู้ให้บริการเครือข่ายอีกกว่า 120 บริษัท ไม่เพียงเท่านั้น ในประเทศจีน กว่า 75% ของบริษัทสื่อดิจิทัลชั้นนำท็อป 50 ของประเทศ 85% ของบริษัทเกมชั้นนำ 90% ของบริษัทอีคอมเมิร์ซชั้นนำ และอีก 90% ของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ท็อป 30 ของจีนล้วนใช้บริการจากหัวเว่ย
หัวเว่ย สั่งสมประสบการณ์กว่า 24 ปีในประเทศไทย พร้อมอยู่เคียงข้างเพื่อสนับสนุนการพัฒนาทางดิจิทัลอย่างรวดเร็วของประเทศไทยเสมอมา และในยุคที่AIกำลังเข้ามาเปลี่ยนโลก หัวเว่ยจะยังคงเดินหน้าลงทุนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง พร้อมให้การสนับสนุนอุตสาหกรรมไทยในการยกระดับประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยีAIและคลาวด์ไปด้วยกัน เพื่อสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งให้กับประเทศไทยในภูมิทัศน์AIโลก สอดคล้องกับความมุ่งมั่นของหัวเว่ยในการเติบโตในประเทศไทย เพื่อคนไทย