นายเดวิด หลี่ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จํากัด เปิดเผยถึงจุดยืนของหัวเว่ยในด้านเมืองอัจฉริยะว่า “จุดที่น่าสนใจของความเป็นเมืองอัจฉริยะคือ สังคมที่ขับเคลื่อนด้วยผู้คนและเทคโนโลยี สังคมแห่งการแบ่งปันคุณค่า ที่ตระหนักถึงความเป็นอยู่ที่ดีของแต่ละคน ทั้งในด้านความปลอดภัย การศึกษา สุขภาพ ความมั่งคั่ง สังคมที่พึ่งพาตนเองได้ เป็นต้น
ดังนั้น การผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล ถือว่าเป็นแนวทางสําคัญในการเปลี่ยนเมืองให้เป็นเมืองอัจฉริยะ โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลอัจฉริยะ เพื่อรองรับและบริหารจัดการทุกองค์ประกอบของสังคม ขับเคลื่อนกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการดําเนินชีวิตในสังคม นอกจากนี้ ยังสามารถช่วยยกระดับความสะดวกสบายและมาตรฐานคุณภาพชีวิตของคนไทย
ซึ่งการดําเนินการดังกล่าวสอดคล้องกับพันธกิจของหัวเว่ย ประเทศไทย ในการส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืน และการร่วมมือกับพันธมิตรในทุกภาคส่วน เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายในการเป็นศูนย์กลางด้านดิจิทัลของภูมิภาคอาเซียนในอนาคต"
ในโอกาสนี้ หัวเว่ยยังได้รับความร่วมมือจากสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า จัดเวทีพิเศษ Thailand Smart City 2023 ภายใต้แนวคิด “Accelerating Intelligence of Smart City ยกระดับเมืองอัจฉริยะน่าอยู่”
โดยนายเชลดอน หวัง รองประธานกลุ่มธุรกิจเอ็นเตอร์ไพรส์ บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด ได้กล่าวว่า “สถาปัตยกรรมของการเปลี่ยนแปลงสู่เมืองอัจฉริยะมีองค์ประกอบที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นในด้านระบบเซ็นเซอร์อัจฉริยะ, การเชื่อมต่ออัจฉริยะ, ระบบพื้นฐานและแพลตฟอร์มที่มีความอัจฉริยะ, ระบบวิเคราะห์ข้อมูล AI ตลอดจนถึงแอปพลิเคชันอัจฉริยะ ซึ่งเรามุ่งหวังที่จะพัฒนาบริการสาธารณะให้ครอบคลุมและมีการกำกับดูแลที่ทันสมัย โดยการส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งในด้านภาคการศึกษา, สาธารณสุข, บริการสาธารณะตลอดจนการดูแลความปลอดภัยที่มีความชาญฉลาดยิ่งกว่าเดิม
พร้อมกันนี้ หัวเว่ยยังได้นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อเมืองอัจฉริยะมาร่วมจัดแสดงภายในงาน โดยภายในบูธของหัวเว่ย ผู้เข้าร่วมงานจะได้พบกับระบบ “อินเทลลิเจนท์ โอเปอเรชัน เซ็นเตอร์ (Intelligent Operation Center)” สำหรับเมืองอัจฉริยะ ซึ่งรวบรวมข้อมูลภูมิสารสนเทศ (GIS), แบบจําลองข้อมูลอาคาร BIM, ข้อมูล IoT, ข้อมูลบริการและการเตือนภัยเพื่อสร้างเมืองดิจิทัลทวินอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งเป็นระบบที่มีประสิทธิภาพในการสนับสนุนข้อมูลเพื่อการตัดสินใจข้ามแผนก และการประสานงานทรัพยากรฝ่ายบริหารจัดการเมือง
นอกจากนี้ หัวเว่ยยังได้นำเสนอโซลูชันและเทคโนโลยีนวัตกรรมที่ช่วยสนับสนุนการพัฒนาเมืองให้ชาญฉลาดมากกว่าเดิม เป็นการนำเทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์เพื่อช่วยขับเคลื่อนเมืองให้อัจฉริยะกว่าเดิมด้วยข้อมูล โดยนำเสนอผ่าน 3 โซนสำคัญคือ 1. โซนบริการสาธารณะ นำเสนอความโดดเด่นของระบบที่สามารถเชื่อมการสื่อสารระหว่างเมืองเพื่อให้สามารถประสานงานหรือเตรียมพร้อมรับเหตุฉุกเฉินได้อย่างทันท่วงที
โซนที่ 2. คือ ระบบบความปลอดภัยรอบด้าน หรือ Omni Safety ซึ่งเป็นการผสมผสานขีดความสามารถของเทคโนโลยีทั้งภาพ เสียงและข้อมูลที่อยู่ในรูปแบบต่าง ๆ ให้สามารถทำงานประสานกันได้อย่างครบวงจรเป็นระบบที่หลากหลาย เช่น ระบบบรรเทาสาธารณภัยอัจฉริยะ, เสาอัจฉริยะ(Smart Pole)ที่ทำหน้าที่หลากหลายฟังก์ชัน เช่น ระบบเซ็นเซอร์ตรวจวัดค่าต่าง ๆ, กล้องวงจรปิด และระบบแจ้งเหตุเพื่อช่วยยกระดับความปลอดภัยเมือง
และในโซนที่ 3. เอไอเพื่องานราชการ (AI for Government) ที่นับเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญที่ทำให้เห็นภาพของเมืองอัจฉริยะอย่างแท้จริงจากการนำเทคโนโลยีเอไอเข้ามาช่วยงานในหลากหลายมิติ เช่น การพยากรณ์อากาศที่แม่นยำมากขึ้น, ระบบงานวิจัยภาครัฐ, การวิเคคราะห์ข้อมูลเพื่อเพิ่มผลผลิตด้านการเกษตร ตลอดจนถึงการนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อประโยชน์ในด้านบริการสาธารณะ โดยโซลูชันทั้งหมดได้เริ่มมีการนำไปประยุกต์ใช้ และนำไปใช้แล้วจริงทั้งในและต่างประเทศ