ดร.เอกลักษณ์ ยิ้มวิไล ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โอเชี่ยน สกาย เน็ตเวิร์ค จำกัด เทคสตาร์ทอัพสัญชาติไทยในฐานะผู้พัฒนา Mandala AI Engine and Solutions เครื่องมือในการช่วยสำรวจ วิเคราะห์ เจาะลึกบิ๊กดาต้าของลูกค้าบนโลกออนไลน์ กล่าวว่า ได้ประกาศเปิดตัวธุรกิจโอเชี่ยน สกาย เน็ตเวิร์ค อย่างเป็นทางการในไทย พร้อมกับเปิดตัวผลิตภัณฑ์และบริการ ภายใต้บริษัทดังกล่าว ซึ่งเป็นเทคสตาร์ทอัพ ผู้พัฒนาเครื่องมือ Mandala Analytics วิเคราะห์บิ๊กดาต้าก็จะต้องมี AI เป็นตัวขับเคลื่อน
โดย Mandala AI Ecosystem จะช่วยในการรวบรวม กลั่นกรอง ตลอดจนวิเคราะห์ประมวลผล และสร้างสรรค์ข้อมูลจากบิ๊กดาต้าบนโลกออนไลน์ โดยมีเป้าหมายในการช่วยให้ทุกคนสามารถใช้ประโยชน์จาก Social Media Data ได้ (Make data accessible for everyone) ซึ่ง Mandala AI Ecosystem จะมีระบบ (Engines) ที่เป็นหัวใจหลักสำคัญอยู่ 4 ระบบ ได้แก่
1. Seed Engine: ระบบรวบรวม และจัดเก็บ และบริหารจัดการข้อมูลบิ๊กดาต้าที่มีอยู่บน Social Media อาทิ Facebook, Instagram, Twitter, YouTube และอื่นๆ
2. Paradigm Engine: ระบบ Machine Learning คือการเรียนรู้ชุดข้อมูล Data Processing, Modeling, Classification, และ Predictive Modeling
3. Mandala AI Engine: ระบบวิเคราะห์ กลั่นกรอง และประมวลผลข้อมูล Big Data
4. MandalaGPT: ระบบ AI Deep Learning หรือการเรียนรู้ข้อมูลบิ๊กดาต้า เชิงลึกเพื่อให้ AI สามารถพัฒนาตัวเอง คัดเลือกข้อมูลที่เฉพาะเจาะจง หรือสร้างสรรค์ข้อมูลได้เองจากชุดข้อมูลที่กำหนด
ซึ่งข้อมูลที่อยู่ในระบบ Mandala AI Ecosystem เป็นข้อมูลที่ได้รับการรับรองจาก Meta (Facebook, Instagram, WhatsApp), Google and YouTube, Twitter, Pantip และ Reddit ซึ่งระบบของบริษัทฯ มีข้อมูลมากกว่า 20 พันล้านเซ็ต และสามารถทำการวิเคราะห์ข้อมูลได้มากกว่า 100 ล้าน เมนชันส์ (Mentions) ต่อวัน
ปัจจุบัน Social Media เข้ามามีบทบาทกับคนในสังคมเป็นอย่างมาก เนื่องจากผู้คนส่วนใหญ่เข้าถึงอินเทอร์เน็ต และ สมาร์ทโฟนได้ง่ายขึ้น รวมทั้งไลฟ์สไตล์ของคนที่เปลี่ยนแปลงไป Social Media นั้น เปรียบเสมือนเป็นสื่อกลางออนไลน์ ที่เชื่อมต่อให้ทุกคนสามารถสื่อสารกันได้อย่างสะดวก ง่ายดาย และรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นในกลุ่มสังคมเล็กๆ ไปจนถึงการที่ธุรกิจใช้เพื่อเป็นช่องทางในการสื่อสาร และทำการตลาดออนไลน์ซึ่งเสียงของผู้บริโภคหรือข้อมูลบนโลกออนไลน์นั้นมีความสำคัญเป็นอย่างมาก ทำให้บริษัทต่างๆ ที่จะนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดจำเป็นต้องมีเครื่องมือมาช่วยวิเคราะห์ แยกแยะ และบริหารจัดการข้อมูลเหล่านั้น อย่างไรก็ตาม ยุคของบิ๊กดาต้าเลยจุดสูงสุดมาแล้ว และกำลังเข้าสู่ยุคของเอไอ หรือ เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) ซึ่งปัจจุบันได้รับความสนใจ และมีบทบาทอย่างมาก จากความสามารถในการประมวลผลข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพโดยมีการคาดการณ์ว่าการใช้งานเ AI ในตลาดทั่วโลกจะเติบโตถึงปีละ 37.3% (ระหว่างปี 2022-2030) และมีโอกาสเข้ามาทำงานแทนคนกว่า 400 ล้านคนทั่วโลกและจะมีตำแหน่งงานเกิดใหม่อีกราว 97 ล้านตำแหน่ง ที่มีศักยภาพทำงานร่วมกับเอไอ
สำหรับแผนดำเนินงานของบริษัทฯ ในปี 2566 ตั้งเป้ารายได้เติบโตอยู่ที่ 200% จากปีก่อน มีแผนขยายตลาดในกลุ่มของ SaaS Products ได้แก่ Mandala Cosmos แพลตฟอร์มที่ใช้ในการติดตามเทรนด์ในโซเชียลมีเดีย และ Mandala Analytics แพลตฟอร์มที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูลโซเชียลมีเดียเชิงลึก ในตลาดประเทศไทยและตลาดต่างประเทศ ได้แก่ กลุ่มประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษ และกลุ่มประเทศที่ใช้ภาษาสเปน และจะเน้นทำการตลาดเชิงรุกมากขึ้นทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ เพื่อให้นักลงทุนมีความสนใจมากขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีแผนในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ Mandala Cosmos และ Mandala Analytics ให้เป็น All-in-One Platform ซึ่งจะมีฟีเจอร์ที่ช่วยในการบริหารจัดการโซเชียลมีเดีย (Social Media Management) เช่น In-platform Reply, การติดแท็กจัดหมวดหมู่อัตโนมัติ และการแจ้งเตือน (Auto tagging and notification) เพื่อช่วยบริหารจัดการข้อมูลที่ต้องมอนิเตอร์ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมการแจ้งเตือนหากมีเหตุการณ์วิกฤต ผ่านอีเมล หรือไลน์ (Line) ได้ รวมถึงการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ Mandala AI Custom Enterprise Solutions หรือการออกแบบแพลตฟอร์มเฉพาะสำหรับลูกค้าระดับองค์กร หน่วยงานภาครัฐ หรือธุรกิจขนาดใหญ่ ซึ่งมีมูลค่าโครงการเริ่มต้นที่ 6 ล้านบาท ต่อปี รวมถึงเตรียมแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ Galaxy Insights ที่เจาะลึกข้อมูลเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรม เช่น กลุ่มธุรกิจความงามและเครื่องสำอาง (Beauty and Cosmetics) กลุ่มธุรกิจอาหาร เป็นต้น ในประเทศไทย สหรัฐอเมริกา เกาหลีใต้ ญี่ปุ่นฮ่องกง
บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นในการสร้างสรรค์ระบบและเครื่องมือต่าง ๆ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าไว้อย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ Mandala AI ที่มีทั้งระบบ Social Listening & Monitoring, Data Analytics, CRM, CPD Platform และอื่นๆ ซึ่งเป็น Software as a Services (SaaS) หรือการพัฒนา Paradigm Engine ในฐานะ Platform as a Service (PaaS) ที่ช่วยให้นักพัฒนาสามารถเทรนโมเดลเอไอได้เองเป็นต้น
โดยมีแพ็กเกจที่หลากหลายตอบโจทย์ทุกกลุ่มผู้ใช้งาน เริ่มต้นจาก การเปิดให้ใช้ทดลองใช้ฟรี ชุดเริ่มต้น Starter Package ราคา $15 ต่อเดือน หรือ ประมาณ 520 บาท Individual Package ราคา $39 ต่อเดือน หรือ ประมาณ 1,350 บาท Professional Package ราคา $69 ต่อเดือน หรือ ประมาณ 2,400 บาท Team Package ราคา $159 ต่อเดือน หรือ ประมาณ 5,500 บาท Premium Package ราคา $499 ต่อเดือน หรือ ประมาณ 17,350 บาท Business Package ราคา $699 ต่อเดือน หรือ ประมาณ 24,300 บาท และ Enterprise Package ราคาเริ่มต้นที่ $999 ต่อเดือน หรือ 34,735 บาท