SCG เจาะตลาดโซลาร์ รูฟ ตั้งเป้ายอดขายปี 66 โต 200%

28 เม.ย. 2566 | 16:39 น.
อัปเดตล่าสุด :28 เม.ย. 2566 | 17:15 น.

"SCG" รุกตลาดโซลาร์ รูฟ ดันเทคโนโลยีนวัตกรรมเพื่อที่อยู่อาศัย ตั้งเป้ายอดขายปี66 โต 200% คาดปี 2050 สัดส่วนใช้พลังงานทดแทนของโลกสูงขึ้น85%

นายวชิระชัย คูนำวัฒนา Head of Smart System Solution Business ในธุรกิจซีเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เอสซีจี กล่าวว่า ‘เอสซีจี โซลาร์ รูฟ โซลูชัน’ ในฐานะผู้นำและผู้เชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมระบบหลังคาโซลาร์ พร้อมโซลูชันครบวงจร ได้เล็งเห็นเทรนด์และแนวโน้มความนิยมด้านพลังงานสะอาด หรือพลังงานทดแทน จึงได้พัฒนานวัตกรรมหลังคาโซลาร์รูฟมาไม่น้อยกว่า 10 ปี โดยให้บริการติดตั้งระบบหลังคาโซลาร์แบบครบวงจร พัฒนาสินค้านวัตกรรมให้มีคุณภาพ โดยเฉพาะระบบการยึดติดแผงโซลาร์โดยไม่ต้องเจาะหลังคา เพื่อลดความเสี่ยงเรื่องหลังคารั่วด้วย Solar FIX

SCG เจาะตลาดโซลาร์ รูฟ ตั้งเป้ายอดขายปี 66 โต 200%

นอกจากนี้ได้มีการพัฒนาสินค้าและบริการให้เข้ากับทุกไลฟ์สไตล์การใช้ไฟฟ้าในบ้านอย่างครอบคลุมและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด

"บริษัทได้ขับเคลื่อนและผลักดันให้พลังงานสะอาดสามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายยิ่งขึ้น ซึ่งยอมรับว่าเป็นความท้าทายอย่างมากในการทำการตลาดระบบหลังคาโซลาร์ในไทย ที่นับได้ว่าเป็นเรื่องใหม่และกำลังเป็นที่พูดถึงอยู่ในปัจจุบัน แต่ส่วนใหญ่ยังต้องการความรู้และความเข้าใจอย่างถูกต้อง โดยกลยุทธ์ที่ต้องมุ่งเน้นไปพร้อม ๆ กันคือการสื่อสารเกี่ยวกับระบบหลังคาโซลาร์แก่ผู้บริโภค เริ่มตั้งแต่ความจำเป็น การติดตั้ง การใช้งาน รวมถึงความคุ้มค่าระยะยาว”

SCG เจาะตลาดโซลาร์ รูฟ ตั้งเป้ายอดขายปี 66 โต 200%

ขณะเดียวกันปัจจุบันยังพบว่าพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าในเวลากลางวันของผู้อยู่อาศัยมากขึ้น ส่งผลให้ค่าไฟสูงขึ้นเฉลี่ย 30-50% และผู้บริโภคส่วนใหญ่หันมาใช้พลังงานทดแทนเพิ่มมากขึ้นถึง 12-15%

นายวชิระชัย กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ได้คาดการณ์ว่าภายในปี 2050 สัดส่วนการใช้พลังงานทดแทนของโลกจะสูงขึ้นถึง 85% ซึ่งสามารถชี้วัดได้ว่าการใช้พลังงานแสงอาทิตย์มีแนวโน้มเพิ่มสูงตามลำดับ อาทิ การใช้รถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว รวมไปถึงปัจจัยร่วมต่าง ๆ

 

ส่วนอัตราค่าไฟฟ้าที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นตลอดในช่วงที่ผ่านมา ภาครัฐมีมาตรการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (Ft) ประกอบกับด้านเทคโนโลยีในการติดตั้งและต้นทุนวัสดุอุปกรณ์ที่ถูกลง ไปจนถึงผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์นำระบบโซลาร์รูฟเข้ามาใช้เป็นอุปกรณ์พื้นฐานสำหรับโครงการที่อยู่อาศัย ตลอดจน Solar Energy Trading การซื้อขายพลังงานไฟฟ้าระหว่างครัวเรือน ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต ล้วนแล้วแต่มีส่วนช่วยเร่งให้พลังงานทางเลือกเพิ่มระดับความนิยมที่เข้มข้น รวมถึงผลักดันให้ตลาดโซลาร์รููฟเติบโตได้ดียิ่งขึ้น

 

นายวชิระชัย กล่าวต่อว่า จากเทรนด์และเทคโนโลยีโซลาร์รูฟที่กำลังได้รับความนิยมในวงกว้าง โดยเฉพาะภาคครัวเรือนที่มีโอกาสเข้าถึงได้มากยิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้ เอสซีจีจึงได้ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมหลังคาโซลาร์ เดินหน้าด้วยกลยุทธ์ SCG Solar Expert Station โมเดลธุรกิจที่ถูกพัฒนาขึ้นจาก Insight ของผู้อยู่อาศัยยุคใหม่ โดยสร้างจุดเชื่อมระหว่างลูกค้าและผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านระบบหลังคาโซลาร์โดยตรง เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้า สามารถติดต่อและเข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้องได้รวดเร็วขึ้น ทำให้การติดตั้งหลังคาโซลาร์ รูฟ เป็นไปได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น ผ่านช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ ครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วประเทศ

 

 ทั้งนี้SCG Solar Expert หรือผู้เชี่ยวชาญด้านโซลาร์จะให้คำปรึกษาฟรี แนะนำขั้นตอนและระบบการทำงาน, ออกแบบระบบหลังคาโซลาร์ เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งาน พร้อมประเมินราคา โดยมีแผนขยายไปที่ SCG Home, SCG Home Experience และ SCG Authorized Dealer ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ มีสาขานำร่อง อาทิ กรุงเทพฯ และปริมณฑล ชลบุรี อุบลราชธานี เชียงใหม่ และหาดใหญ่ พร้อมขยายไปยังหัวเมืองหลักเพื่อครอบคลุมทั่วประเทศ ภายในปี 2566

 

“โดยในช่วงปีที่ผ่านมา ‘เอสซีจี โซลาร์ รูฟ โซลูชัน’ เติบโตได้ดีอย่างต่อเนื่อง พร้อมรุกขยายไปยังตลาดบ้านพักอาศัยที่มีศักยภาพสูง ตอกย้ำการเป็นผู้นำด้านระบบหลังคาโซลาร์ในตลาด Residential ประเทศไทย โดยคาดการณ์จากตัวเลขภายในปี 2566 จะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 200% ซึ่งถือว่าได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า"

 

นายวชิระชัย กล่าวต่อว่า บริษัทมีเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่มีความแตกต่างและโดดเด่นจากคู่แข่งในตลาด ผ่าน 3 จุดแข็ง คือ EXPERT เอสซีจีมีวิศวกรที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน Solar & Home Energy management และมีความเชี่ยวชาญด้านหลังคาซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการติดตั้งโซลาร์ โดยมีบริการตรวจสุขภาพหลังคาก่อนการติดตั้ง พร้อมนวัตกรรม Solar FIX ที่ติดตั้งหลังคาโซลาร์โดยไม่ต้องเจาะหลังคา ทำให้หลังคาไม่เสี่ยงต่อการรั่วซึม ONE STOP SERVICE การให้บริการแบบครบวงจร

 

 ขณะที่การออกแบบระบบโซลาร์ให้เหมาะสมกับพฤติกรรมการใช้ไฟของบ้านลูกค้า รวมถึงดำเนินการ ขออนุญาตกับทางภาครัฐ ทำให้การติดตั้งระบบหลังคาโซลาร์กับเอสซีจีถูกต้องตามกฎหมาย 100% และ AFTER SALES SERVICE การรับประกันตลอด 25 ปีโดยเอสซีจี

SCG เจาะตลาดโซลาร์ รูฟ ตั้งเป้ายอดขายปี 66 โต 200%

นอกจากนี้ถือเป็นโอกาสสำคัญให้คนไทยเกิดการตื่นตัวในเรื่องของพลังงานทดแทน ด้วยการยกระดับพัฒนาเทคโนโลยีและส่งเสริมประสิทธิภาพโซลาร์เซลล์อย่างสูงสุด โดยให้เหมาะสมต่อพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าและสภาพแวดล้อมของไทย ในฐานะที่เอสซีจีเป็นผู้นำและผู้เชี่ยวชาญด้านระบบหลังคามาอย่างยาวนาน ทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ตอบโจทย์ความต้องการของผู้อยู่อาศัยในปัจจุบันและอนาคต