นับเป็นการปรับวิสัยทัศน์องค์กรครั้งใหม่ มุ่งเป้าจัดทัพขับเคลื่อน สวทช. ให้เป็น “ขุมพลังหลักของประเทศ” ในการใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ทั้งของรัฐ เอกชน ชุมชน เพื่อพัฒนาและสร้างความเข้มแข็ง ของระบบนิเวศวิจัยและนวัตกรรม ให้ตอบโจทย์สำคัญ นำสู่การพัฒนาประเทศอย่างก้าวกระโดด
นำร่องด้วย 4 เแพลตฟอร์มหลัก ที่เป็นความเชี่ยวชาญของ สวทช. คือ Traffy Fondue เพื่อบริหารจัดการปัญหาเมือง Digital Healthcare Platform เพื่อดูแลการบริการด้านสาธารณสุขของประเทศ
FoodSERP แพลตฟอร์มให้บริการ One stop service กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหาร เวชสำอาง ยุคใหม่ และ Thailand i4.0 Platform แพลตฟอร์มให้บริการ Digital Transformation สำหรับภาคอุตสาหกรรมการผลิตแบบครบวงจร
ศ.ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ได้รับความเห็นชอบจากบอร์ด ให้เป็นผอ.สวทช. แทนคนเดิมที่ครบวาระตั้งแต่วันที่ 26 ส.ค.2565
จบการศึกษาวิทยาศาสตรบัณฑิต เกียรตินิยมอันดับ 1 ฟิสิกส์ จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น เมื่อปี 2536 และไปจบปริญญาโทและเอกสาขาเดียวกัน จาก Case Western Reserve University สหรัฐอเมริกา
มีประสบการณ์การทำงานในศูนย์วิจัย ทั้งของรัฐและเอกชนในสหรัฐฯ คือที่ National Renewable Energy Lab. (NREL) ที่โอ๊คริชจ์ และ Xerox Palo Alto Research Center (PARC) ที่ Silicon Valley
กลับมาเป็นอาจารย์ด้านฟิสิกส์ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี(มสท.) มีผลงานวิจัยจนได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์ตั้งแต่ก่อนอายุ 35 ปี
มีผลงานวิจัยโดดเด่นในฐานข้อมูล Web of Science กว่า 100 เรื่อง ที่ถูกนำไปอ้างอิงในระดับนานาชาติจำนวนมาก ได้รับรางวัลนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ รวมทั้งมีชื่ออยู่ในทำเนียบ World’s Top 2% Scientists ซึ่งจัดอันดับโดย Stanford University
ล่าสุด ยุทธศาสตร์ 4 ปี สวทช. เพื่อขับเคลื่อนสังคมไทยใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์-เทคโนโลยี และนวัตกรรม อย่างรอบด้าน ทั่วถึง และยั่งยืน
ศ.ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์
คอลัมน์ สปอตไลต์ หน้า 4 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 42 ฉบับที่ 3,855 วันที่ 22-25 มกราคม พ.ศ.2566