นายอึ้ง เทียน ชอง กรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชีย เอชพี อิงค์ กล่าวว่าไทยเป็นตลาดที่สำคัญของเอชพีในภูมิภาคอาเซียน เนื่องจากเป็นตลาดที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง ที่ถูกขับเคลื่อนโดยนักลงทุนรุ่นใหม่ ที่เปิดรับการเปลี่ยนแปลงไปสู่ดิจิทัล โดย 55% ของกลุ่มมิลลิเนียน และเจน Z เปิดรับเทคโนโลยีใหม่ๆ ขณะเดียวกันยังมีความเร็วของบริการอินเตอร์เน็ตสูงเป็นอันดับต้นๆ ของภูมิภาค และมีตัวเลขการใช้งานอินเตอร์เน็ตสูงถึง 11 ชั่วโมงต่อวัน
ขณะที่ตัวเลข GDP ของไทยปีนี้คาดว่าจะอยู่ราว 2.5-3.5% จากเดิมก่อนโควิด GDP อยู่ที่ 8% ซึ่งเชื่อมั่นว่าภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดลดลง จะเห็นตัวเลขการเติบโตมากขึ้น
“การแพร่ระบาดของโควิดที่ผ่านมานั้นทำให้รูปแบบการทำงานเปลี่ยนไป ทั้งการทำงานจากที่บ้าน ขณะที่วิธีการคิดก็มีรูปแบบที่เปลื่ยนแปลงไป ทำให้เทคโนโลยีมีความสำคัญมากขึ้น คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล หรือ PC กลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง โดยผู้บริโภคมีความต้องการคอมพิวเตอร์ที่พลังประมวลผลสูงขึ้น เร็วขึ้น ขนาดเล็ก ดีไซน์สวยงามมากขึ้น มีความปลอดภัยสูง เพื่อใช้ในการทำงาน รวมถึงการเรียน และเล่นเกม โดยการทำตลาดในไทยเอชพี จะมุ่งเน้นการทำตลาดเกม อุปกรณ์เชื่อมต่อ โซลูชันการทำงาน บริการระบบสมัครสมาชิก และกราฟฟิค การพิมพ์ 3 มิติ
นายอึ้ง เทียน ชอง กล่าวต่อไปว่า 6 เทรนด์สำคัญที่เข้ามาเปลี่ยนวิธีการทำงาน ประกอบด้วย 1. การทำงานในอนาคต จะอยู่ในรูปแบบการทำงานไฮบริด เป็นโลกของครีเอเตอร์ สร้างสรรค์งานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างไรก็ตามมีความต้องการสภาวะแวดล้อมในบ้านที่รองรับการทำงาน มีความต้องอุปกรณ์ที่รองรับการประชุม หรือ แบ่งปันเอกสารการประชุม
2.ความปลอดภัย สามารถรับมือกับและ ตอบโต้ภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่เกิดขึ้น ซึ่งพีซี และพรินเตอร์เป็นส่วนแรก ที่เจอกับภัยคุกคาม ซึ่งต้องมีระบบบริหารจัดการตั้งแต่การล็อกอิน 3. การพิมพ์ หรือ พรินติ้ง ที่รองรับการพิมพ์ไร้สายจากสมาร์ทโฟน 4 เมตาเวิร์ส ทั้ง AR VR ซึ่งต้องอุปกรณ์ที่ทำให้เกิดภาพและเสียงแบบสมจริง เพื่อรองรับการทำงานไฮบริด และการประชุมทางไกล 5 โมเดิร์นคอมเมิร์ซ ที่รองรับการช้อปปิ้งได้ทุกที่ ทุกเวลา และ 6. เทคโนโลยีเพื่อความดี
นายลิม ชุน เต็ก กรรมการผู้จัดการ เอชพี อิงค์ ประเทศไทย กล่าวว่ากระแส Work from Home (WFH) ยังคงมาแรงอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย และการทำงานไฮบริดได้กลายเป็นเรื่องปกติในรูปแบบใหม่ (New Normal) ด้วยคนเราชอบสภาพการทำงานที่มีการเปลี่ยนแปลงตามแนวทางใหม่นี้ พนักงานองค์กรในไทยมากกว่า 80% และ 75% ต้องการทำงานที่บ้านแบบถาวร สะท้อนถึงความต้องการการทำงานที่ยืดหยุ่นมากขึ้นหลังโควิด ธุรกิจต่างๆ ต้องมองหาเครื่องมือที่เหมาะสมให้พนักงานเพื่อขยายการทำงานไปสู่รูปแบบการทำงานไฮบริด
“ปัจจุบันออฟฟิศอยู่ 'ทุกที่' และอนาคตของการทำงานก็เกิดขึ้นตอนนี้แล้ว เมื่อเรายอมรับรูปแบบการทำงานและการเรียนรู้แบบผสมผสาน ประสบการณ์จะมีความสำคัญมากขึ้นกว่าเดิม และเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องอัปเดตเทคโนโลยีที่มาก่อนการเกิดการแพร่ระบาด เพื่อนำเสนอวิธีการใหม่ในการทำงานร่วมกันและเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ ทั้งยังคงเพลิดเพลินได้ ที่เอชพี เราจะพยายามส่งเสริมให้ลูกค้าและกลุ่มธุรกิจได้ใช้ความสามารถอย่างเต็มที่ และช่วยให้บรรลุศักยภาพสูงสุด โดยการจัดหาโซลูชั่นที่เหมาะสมตรงกับรูปแบบการทำงานไฮบริดที่เกิดขึ้นใหม่นี้"
โมเดลการทำงานและการเรียนรู้แบบผสมผสานช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างผลงาน ใช้งาน และทำงานร่วมกันได้อย่างมีอิสระและคล่องตัวมากขึ้น ในระดับองค์กร ธุรกิจยังต้องทำงานกับโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีที่เหมาะสมและเครื่องมือเพื่อเปลี่ยนผ่านไปสู่รูปแบบการทำงานไฮบริด ด้วยเหตุนี้ เอชพี จึงได้ประกาศเปิดตัวผลิตภัณฑ์ในกลุ่มพีซีและเครื่องพิมพ์เพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้พนักงานสามารถก้าวหน้าได้ในโลกการทำงานไฮบริด
เอชพี สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอด้วยผลิตภัณฑ์พีซีและเครื่องพิมพ์รุ่นใหม่ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน สร้างสรรค์งาน ทำงานร่วมกัน หรือเพื่อความบันเทิง ประกอบด้วย HP EliteBook x360 1040 G9, HP ProBook x360 435 G9 และเครื่องพิมพ์ HP Smart Tank