ดีแทค ชี้คนไทยปรับตัวรับดิจิทัลเร็ว แนะตื่นรับมือภัยคุกคามไซเบอร์รายวัน

18 พ.ค. 2565 | 16:09 น.
อัปเดตล่าสุด :18 พ.ค. 2565 | 23:19 น.

ดีแทค ชี้คนไทยปรับตัวรับดิจิทัลได้สุดปัง แนะตื่นตัวรับมือภัยคุกคามไซเบอร์รายวันให้พร้อม ตอกย้ำจุดยืนผลักดันวาระดิจิทัลของประเทศไทย มุ่งพาคนไทย ให้ดีทั่วดีถึง ดีไปด้วยกัน

นายฮาว ริเร็น รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มการตลาด บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าวว่า “ในขณะที่ดิจิทัลกำลังเติบโตขึ้นมาอย่างรวดเร็ว จนเข้ามาพลิกวิถีการใช้ชีวิต การเรียนรู้ และการทำงาน ข้อมูลจาก Statista ปี 2564 ระบุว่า การใช้ชีวิตของคนไทยยุคนี้ คุ้นเคยกับการซื้อของผ่านออนไลน์ กว่า 36.6 ล้านคน ทำให้ตลาดอีคอมเมิร์ซไทยมีมูลค่าประมาณ 4 ล้านล้านบาท

ดีแทค ชี้คนไทยปรับตัวรับดิจิทัลเร็ว แนะตื่นรับมือภัยคุกคามไซเบอร์รายวัน

คนไทยใช้โซเชียลมีเดีย 75% เด็ก Gen Z ใช้เวลามากกว่า 5 ชั่วโมงต่อวันในการเรียนออนไลน์ การทำงานในยุคนี้ลูกจ้างก็สามารถเลือกทำงานแบบไฮบริด จะทำงานจากที่ไหนก็ได้ หรือจะเลือกเข้าสำนักงานก็ได้ การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลที่เกิดขึ้นไม่เพียงแต่จะช่วยให้ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตประจำวันทำได้สะดวก รวดเร็ว แต่เราก็เห็นอีกด้านที่มีความย้อนแย้ง

ความย้อนแย้งที่เกิดขึ้นในยุคดิจิทัลที่เฟี่องฟู

 

ในทางกลับกัน คนไทย 63% ไม่มีทักษะด้านดิจิทัลที่จำเป็นสำหรับการทำงาน ทำให้พวกเขาเสี่ยงต่อการตกงานหรือถูกเลิกจ้าง ธุรกิจในประเทศไทยยังคงตามหลังความก้าวหน้าของการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล โดยเฉพาะ SMEs การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลอย่างรวดเร็วยังเน้นให้เห็นถึงความไม่เท่าเทียมกันและการแบ่งแยกทางดิจิทัล ในกลุ่มผู้ด้อยโอกาส 5 กลุ่ม ได้แก่ ผู้ที่อาศัยอยู่ในชุมชนชนบทในพื้นที่ห่างไกล และประสบปัญหาในการเข้าถึงบริการทางการแพทย์และทางเลือกด้านอาหารจำกัด ผู้สูงอายุที่จำเป็นจะได้รับประโยชน์จากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทางการแพทย์มากที่สุด แต่น่าเสียดาย เป็นกลุ่มคนที่เข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัลน้อยที่สุด

 

การแบ่งแยกทางดิจิทัลทำให้พวกเขาพลาดโอกาสต่างๆ เช่น การทำธุรกรรมทางการเงิน การซื้อสินค้าและบริการ ความบันเทิง นันทนาการ และการจัดส่งอาหาร เป็นต้น คนพิการกว่า 2 ล้านคนประสบปัญหาการเข้าถึงบริการดิจิทัลอย่างจำกัด คนไม่รู้หนังสือ ที่พลาดโอกาสในการทำงาน และครัวเรือนที่มีรายได้น้อยซึ่งประสบปัญหาค่าครองชีพที่สูงขึ้นจากภาวะเงินเฟ้อและผลกระทบจากโรคระบาด

เยาวชนตกเป็นเหยื่อภัยคุกคามทางเพศทางออนไลน์

 

คนไทยกำลังเผชิญกับภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกทางดิจิทัล แม้ว่าจะใช้อินเตอร์เน็ตโดยเฉลี่ย 9 ชั่วโมงต่อวัน และคาดว่าตัวเลขจะสูงขึ้น ในปี 2564 ในเวลาแค่เพียงปีเดียวมีวัยรุ่นไทย 400,000 คนตกเป็นเหยื่อของการล่วงละเมิดทางเพศทางออนไลน์ (ECPAT, 2022) คนไทยตกเป็นเหยื่อกลโกงแก็งค์คอลเซ็นเตอร์ สูญเงิน 1.5 พันล้านบาท มีเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย 332 ราย ที่ถูกหลอกลวงจากเรื่องโรแมนซ์สแคม สูญเงินเกือบ 200 ล้านบาท ในเวลาเพียง 1 ปี เรายังพบว่าโดยเฉลี่ยแล้ว คนไทยยังใช้เงินจ่ายป้องกันอาชญากรรมทางอินเทอร์เน็ตเพียง 100 บาทต่อคนต่อปี ในขณะที่ชาวสิงคโปร์ใช้มากถึง 4,200 บาทสำหรับ และ ชาวอังกฤษใช้ 3,200 บาท

 

ดีแทคชูจุดยืนดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ ผลักดันในวาระดิจิทัลของประเทศไทย ด้วยหัวใจสำคัญใน 3 เสาหลัก

 

1. SAFEGUARD ปกป้องผู้ใช้งาน ความเป็นส่วนตัวของข้อมูล และโลกของเรา

ดีแทคเดินหน้ายกระดับความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของลูกค้า พันธมิตรทางธุรกิจ และพนักงานของเรา รวมทั้งดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืน

 

2. INCLUDE สร้างสังคมที่ทุกคนมีส่วนร่วม

ดีแทคมุ่งส่งเสริมความเท่าเทียม ผ่านการมอบบริการการเชื่อมต่อพื้นฐานที่ทุกคนเข้าถึงได้ สู่การสร้างโอกาสและความเป็นไปได้สำหรับประชากรหลายล้านราย

 

3. ADVANCE ยกระดับบริการการเชื่อมต่อสู่อนาคตดิจิทัล

 

ในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยี ดีแทคไม่หยุดสร้างสรรค์นวัตกรรมและมองหาโอกาสใหม่ๆ อันจะนำมาซึ่งประโยชน์แก่ลูกค้า ธุรกิจต่างๆ และสังคมของเรา

SAFEGUARD ปกป้องผู้ใช้งาน ความเป็นส่วนตัวของข้อมูล และโลกของเรา

ดีแทคแนะนำให้ผู้ใช้งานดิจิทัลสร้างความสามารถในการรับมือกับภัยออนไลน์ทุกรุปแบบให้ได้ โดยเรียนรู้เกี่ยวกับความปลอดภัยในโลกไซเบอร์และระมัดระวังและป้องกันตัวเองจากอาชญากรรมทางอินเทอร์เน็ตเสมอ ในขณะที่ธุรกิจ เองก็ต้องสามารถสร้างความมั่นคงปลอดภัยทางดิจิทัลในองค์กรของคุณ

ด้วยภัยคุกคามทางไซเบอร์เหล่านี้ที่มุ่งเป้าไปที่ข้อมูลของผู้บริโภค ดีแทคตระหนักถึงบทบาทของเราในการปกป้องข้อมูลของลูกค้า เราจึงเปิดตัว dtac Safe และ dtac mobile security บริการใหม่เพื่อปกป้องลูกค้าและธุรกิจ SME จากภัยคุกคามทางไซเบอร์

 

dtac Safe ใช้การรักษาความปลอดภัยบนคลาวด์ จึงสามารถปกป้องผู้ใช้จากภัยคุกคามทางไซเบอร์ต่างๆ ในกรณีที่บริการตรวจพบความพยายามที่จะเข้าถึงเว็บไซต์หรือลิงก์ที่ไม่ปลอดภัย ผู้ใช้จะได้รับการแจ้งเตือนทันทีและจะได้รับการปกป้องจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่อาจเกิดขึ้น dtac Safe ยังมอบความสะดวกสบายสูงสุดให้กับลูกค้าด้วยการอัพเดทฐานข้อมูลระบบโดยอัตโนมัติ ลูกค้าจึงไม่ต้องคอยอัพเดทด้วยตนเอง ลูกค้าดีแทคสามารถดาวน์โหลดและทดลองใช้งานฟรีนาน 2 เดือน

 

นอกจากนี้ เนื่องจาก PDPA หรือ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล จะเริ่มบังคับใช้ในวันที่ 1 มิถุนายนนี้ ดีแทคจึงพร้อมที่จะปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ เราจะรวบรวมความยินยอมของลูกค้าในช่องทางต่างๆ ก่อน เช่น แอปดีแทคและเว็บไซต์ ข้อมูลจะถูกเก็บไว้ภายใต้ความปลอดภัยสูงสุดโดยทีมรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ของเรา และจะถูกใช้เพื่อจุดประสงค์ที่ได้รับแจ้งเท่านั้น ลูกค้าจึงสามารถวางใจได้ว่าข้อมูลส่วนบุคคลของคุณคือสิ่งสำคัญที่สุดของเรา

 

INCLUDE สร้างสังคมที่ทุกคนมีส่วนร่วม

 

ดีแทคริเริ่มโมเดลธุรกิจภายใต้แนวคิด 'ธุรกิจเพื่อสังคมที่ดี' เพื่อตอบสนองความต้องการพิเศษและสร้างโอกาสทางธุรกิจ เราเชื่อว่าทุกคนควรเข้าถึงบริการมือถือ เราจึงเปิดตัวแคมเปญ dtac Beyond (dis)abilities เสนอ 3 บริการที่เหมาะสำหรับผู้พิการ (1) เราเสนอแพ็กเกจมือถือที่ออกแบบที่เข้าใจความต้องการใช้งาน ในราคาที่เข้าถึงได้ (2) dtac Net for Living จับมือกรมส่งเสริมศักยภาพคนพิการ จัดอบรม Digital Upskilling จำนวน 21 กลุ่มอาชีพ และศูนย์ฟื้นฟูอาชีวศึกษาสำหรับคนพิการทั่วประเทศ (3) เปิดบริการคอลเซ็นเตอร์ภาษามือ สำหรับผู้พิการทางการได้ยิน เพื่อช่วยตอบคำถามบริการมือถือและให้ความช่วยเหลือกับผู้พิการทุกคน เป็นศูนย์ข้อมูลบริการสาธารณะสำหรับหมายเลขฉุกเฉินและบริการสายด่วน ไม่ว่าพวกเขาจะใช้ผู้ให้บริการรายใด

 

ดีแทคเร่งเปลี่ยนตัวเอง เราลงทุนในดิจิทัลและเทคโนโลยีเพื่อทำให้การดำเนินธุรกิจให้คล่องตัวขึ้น โดยตั้งเป้าให้สามารถทำงานแบบออโตเมชัน 100% ภายในปี 2566 ให้พนักงานทุกคนที่แม้ว่าจะไม่มีทักษะด้านไอที สามารถนำโรบอตเข้ามาช่วยในกระบวนการทำงานที่ซ้ำซ้อน ด้วยเป้าหมายที่จะเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้เพิ่มขึ้น 25%

 

ตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมอย่างหนึ่งคือ dtac Call Center ให้พนักงานของเราทำงานจาก ที่บ้านได้ ในขณะเดียวกันก็รับประกันความพึงพอใจของลูกค้าได้ การทำงานคอลล์เซ็นเตอร์มีหุ่นยนต์เข้ามาเป็นผู้ช่วยมือขวา ช่วยสมัครแพ็กเกจให้ลูกค้าได้รวดเร็วและแม่นยำ ทำให้เราทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้เรามีเวลาเพิ่มขึ้นที่จะโทรออกไปรับฟังสิ่งที่ลูกค้าต้องการได้มากขึ้น ดีแทคยังมีสไตล์การบริหารงานแบบ ‘tight-loose-tight ที่ผู้นำต้องให้อำนาจและอิสระพนักงานมากขึ้นในการตัดสินใจ เพื่อให้ทุกคนสามารถทำตามจุดมุ่งหมายที่วางไว้อย่างยืดหยุ่น แต่ในขณะเดียวกันก็ชัดเจนในเรื่องเป้าหมายและการวัดผล

 

ในช่วงการระบาดของไวรัสโควิด-19 โรงงานชิ้นส่วนรถยนต์หลายแห่งทั่วโลกได้ค้นพบปัญหาที่นำไปสู่การขาดแคลนอุปทาน รวมถึง Daisin ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ชั้นนำของประเทศไทย ได้เลือกที่จะจัดการกับปัญหานี้โดยร่วมมือกับดีแทคในการนำ 5G และ IoT มาใช้ และเปลี่ยนเป็นโรงงานอัจฉริยะเพื่ออำนวยความสะดวกในการพัฒนาโรงงานอื่นๆ ในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง

 

ทั้งหมดนี้คือหัวใจสำคัญที่ดีแทค ในฐานะผู้ให้บริการโทรคมนาคม จะช่วยขับเคลื่อนวาระดิจิทัลของประเทศไทยให้ ดีทั่วดีถึง ดีไปด้วยกันทุกคน