ปณท.ลั่นสู้ศึกโลจิสติกส์ เชื่อมออนไลน์-ออฟไลน์ ไร้รอยต่อ

14 ก.พ. 2565 | 14:35 น.
อัปเดตล่าสุด :14 ก.พ. 2565 | 21:51 น.

ปณท.ปรับสู้ศึกโลจิสติกส์แสนล้าน มุ่งร่วมพันธมิตร พัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการ ปรับบริการอิเล็กทรอนิกส์ เชื่อมบริการออฟไลน์-ออนไลน์แบบไร้รอยต่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้า ล่าสุดได้เดินหน้าแคมเปญ “EMS ทุกวัน”

นายดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด(ปณท.) เปิดเผยว่าตลาดบริการโลจิสติกส์โดยภาพรวมมีมูลค่าราวแสนล้านบาท โดยเติบโตตามอีคอมเมิร์ซ และมีแนวโน้มเติบโตได้อีก ซึ่งจะเห็นได้จากตัวเลขการเติบโตของอี-คอมเมิร์ซ ปี 63-65 เติบโตเฉลี่ย 25-30% ต่อปี ทำให้มีผู้เล่นเข้ามาในตลาดมากขึ้น และการแข่งขันรุนแรงมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ปณท. มองว่าสามารถแข่งขันได้กับเอกชน โดย ปณท. จะไม่มุ่งเน้นการแข่งขันราคา แต่จะมุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการ และสร้างประสบการณ์การใช้บริการที่ดีให้ลูกค้า ในราคาที่เข้าถึงได้ เหมาะสมและคุ้มค่าเงิน

ปณท.ลั่นสู้ศึกโลจิสติกส์ เชื่อมออนไลน์-ออฟไลน์ ไร้รอยต่อ

โดยปีนี้จะเห็นรูปแบบการร่วมมือกับพันธมิตร ทั้งร่วมทุน ซื้อกิจการ และการร่วมมือ เพื่อสร้างโซลูชันและประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า ซึ่งไปรษณีย์ไทยวางจุดยืนทางธุรกิจไว้เป็นมากกว่าผู้ให้บริการขนส่งสินค้า โดยมองว่าบริการขนส่งเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodities) เช่นเดียวกับประปา ไฟฟ้า สิ่งที่สร้างความแตกต่าง การคู่แข่งได้ คือ การสร้างประสิทธิภาพที่ดี สุดท้ายคือการแข่งขันราคา ปณท. จึงต้องมองการต่อยอดบริการออกไปสู่บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งบริการเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ บริการยืนยันตัวตนทางอิเล็กทรอนิกส์

 

ขณะเดียวกันไตรมาสแรกของปีนี้จะเปิดให้บริการระบบชำระเงิน เพื่อรองรับกับสังคมไร้เงินสด ทุกรูปแบบเพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปทั้งการชำระด้วย QR Code โมบายแบงกิ้ง อีแบงกิ้ง โมบายเพย์เม้นท์ พร้อมกันนั้นปีนี้ยังมีแผนปรับปรุงตู้ไปรษณีย์ที่มี 20,000 ตู้ทั่วประเทศ ให้รองรับบริการอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป้าหมายของปณท. คือการเชื่อมต่อบริการดังเดิมที่มีอยู่กับบริการดิจิทัลเข้าด้วยกันแบบไร้รอยต่อ เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการ และสร้างประสบการณ์การใช้บริการที่ดีให้ผู้ใช้บริการ

 

นอกจากนี้ในปีนี้จะมุ่งการพัฒนาบริการเจาะเฉพาะกลุ่มลูกค้ามากขึ้น โดยจะดีไซน์ ผลิตภัณฑ์และบริการให้ตอบสนองความต้องการแต่ละกลุ่ม เช่น การขนส่งของเย็น และของใหญ่ เริ่มส่งยาเวชภัณฑ์ถึงบ้าน นอกจากนี้จะเริ่มเห็นการให้บริการไปรษณีย์ที่เข้าถึงประชาชน โดยไปรษณีย์ไทยจะนำจุดแข็งของบุรุษไปรษณีย์ที่รู้จักและเข้าถึงทุกครัวเรือน มาต่อยอดธุรกิจบริการใหม่ๆ ไปถึงประชาชน ทั้งบริการเติมเงินโทรศัพท์มือถือ หรือบริการสินเชื่อ โดยขณะนี้ ปณท.มีพนักงานราว 40,000 คน ซึ่ง 20,000 คน เป็นบุรุษไปรษณีย์ จุดแข็งของปณท.คือ ไม่มีเทิร์นโอเวอร์ของพนักงาน เมื่อเทียบกับผู้ให้บริการรายอื่น ทำให้มีระบบความสัมพันธ์ลูกค้า (CRM) ที่มีความแข็งแกร่ง

 

ตลาดที่ ปณท. มองว่าเป็นโอกาส คือ การขนส่งระหว่างประเทศ ที่ประเทศเพื่อนบ้านนิยมบริโภคสินค้าไทย ขณะที่สินค้าอีคอมเมิร์ซ 70% มาจากจีน ไทยส่งออกสินค้าไปจีนจำนวนมหาศาล ซึ่งการรถไฟฟ้าความเร็วสูงจีน-ลาว เป็นเส้นทางการขนส่งใหม่ ทำให้ตลาดขนส่งระหว่างประเทศมีแนวโน้มเติบโตได้อีกมากทั้งขาไป และขากลับ โดยสามารถช่วยผู้ประกอบการของไทยส่งของดีจากเมืองไทยไปจีน และสามารถส่งสินค้าที่ขายบนอีคอมเมิร์ซจากจีนมายังไทยได้สะดวก รวดเร็ว มากขึ้น

 

ล่าสุดได้เดินหน้าแคมเปญ “EMS ทุกวัน” พี่ไปรฯทุกวัน เพื่อทุกวันที่ดีของคุณ ซึ่งเป็นการยกระดับงานบริการการส่งด่วนให้เข้าถึงได้ง่าย รองรับกับทุกไลฟ์สไตล์ ทันสมัย มีความเป็นมิตรมากขึ้น และสามารถใช้บริการได้ทุกวัน สามารถใช้บริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง ตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่มทั้งนิวเจน อี-คอมเมิร์ช ประชาชนทั่วไป โดยสามารถขับเคลื่อนทุกความต้องการในการขนส่งหลากหลายรูปแบบ เช่น รับฝากส่งสิ่งของถึงบ้าน (pick up service) ส่งของใหญ่หรือของรูปร่างพิเศษ (Logispost) ส่งของดีจากชุมชนที่เว็บไซต์ thailandpostmart ส่งยา/เวชภัณฑ์ ส่งต้นไม้/กล้าพันธุ์ไม้ ส่งของไปต่างประเทศส่งสินค้าแบบครบวงจรด้วยบริการคลังสินค้า Fulfillment หรือแม้กระทั่งเทคโนโลยีส่งสินค้าควบคุมอุณหภูมิบริการ FUZE POST ฯลฯ พร้อมกันนี้ยังได้จัดโปรโมชันพิเศษสำหรับกลุ่มผู้ประกอบการอี-คอมเมิร์ซ พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ให้ได้ส่งสิ่งของแบบด่วนในราคาพิเศษ

 

นายดนันท์ กล่าวต่อไปอีกว่า ปีที่ ผ่านมาปณท. มีรายได้ประมาณ 22,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตามด้วยต้นทุนราคา นํ้ามัน การระบาดโควิด และการแข่งขันรุนแรง รวมถึงภารกิจของไปรษณีย์ไทย ในฐานะโครงสร้างพื้นฐานขนส่งของประเทศจำเป็นต้องช่วยให้ชุมชนก้าวผ่านวิกฤติที่เกิดขึ้น จึงปีที่ผ่านมาลืมคำว่ากำไรไปก่อนส่วนปีนี้ได้วางงบการลงทุนไว้ไม่ตํ่ากว่า 3,000 ล้านบาท