ปณท. ต่อยอด“เกษตรกรแฮปปี้” เปิดระบบออนไลน์-ที่ทำการฯ ฝากขายผลไม้

27 ส.ค. 2564 | 16:44 น.
อัปเดตล่าสุด :27 ส.ค. 2564 | 23:52 น.

ไปรษณีย์ไทย ร่วมกับกระทรวงเกษตร กระทรวงพาณิชย์ และภาคเอกชน เดินหน้าช่วยเกษตรกรไทยลดผลกระทบจากวิกฤตการแพร่ระบาดของ COVID-19 ภายใต้โครงการเกษตรกรแฮปปี้ ด้วยการรับขนส่งผลไม้ผ่านบริการ EMS ส่งด่วนทั่วไทย ในอัตราค่าบริการพิเศษ และเปิดพื้นที่ขายผลไม้ตามฤดูกาล

ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 2 ปี ที่มีการแพร่ระบาดของ COVID-19 ไปรษณีย์ไทยได้เดินหน้าผนึกกำลังร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และภาคเอกชน ในการช่วยบรรเทาผลกระทบแก่เกษตรกรไทยด้วยการลดต้นทุนค่าขนส่งให้กับพี่น้องเกษตรกรที่ต้องการระบายผลผลิตให้ทันตามฤดูกาลมาอย่างต่อเนื่อง โดยได้จัดตั้งโครงการ เกษตรกรแฮปปี้ เปิดช่องทางให้เกษตรกรสามารถนำผลไม้ตามฤดูกาล อาทิ มังคุด ลำไย และ เงาะโรงเรียน มาจำหน่ายผ่านเว็บไซต์ thailandpostmart.com และที่ทำการไปรษณีย์ ในราคาพิเศษ รวมถึงลดค่าบริการส่งด่วนทั่วไทย (EMS) สูงถึง 20% ในช่วงเทศกาลผลไม้ถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2564 และปรับอัตราค่าบริการแบบเหมาจ่ายในราคาพิเศษ เริ่มต้นที่ 3 กิโลกรัมแรก เพียง 50 บาท ส่งได้สูงสุดถึง 20 กิโลกรัม เพื่อช่วยเกษตรกรและประชาชนทั่วไปอย่างต่อเนื่อง

ปณท. ต่อยอด“เกษตรกรแฮปปี้” เปิดระบบออนไลน์-ที่ทำการฯ ฝากขายผลไม้

ดร.ดนันท์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ไปรษณีย์ไทยยังได้เดินหน้าโครงการบริหารจัดการผลไม้ปี 2564 ร่วมกับกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ให้เกษตรกรไทยที่เป็นสมาชิกของสำนักงานพาณิชย์จังหวัด ฝากส่งผลไม้ 5 ประเภท ได้แก่ มังคุด เงาะ ลำไย ลองกอง และทุเรียน ได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆเพิ่มเติม ซึ่งในช่วงฤดูกาลจำหน่ายลำไยที่กำลังจะมาถึงนี้ ไปรษณีย์ไทยเปิดให้บริการรับฝากผลไม้ผ่านการหุ้มห่อและใส่บรรจุภัณฑ์ได้ตามปกติ ผู้ใช้บริการสามารถเลือกบรรจุภัณฑ์ได้ทั้งแบบกล่องและตะกร้าตามที่ไปรษณีย์ไทยวางจำหน่าย และจัดส่งได้ที่ไปรษณีย์ทั่วประเทศจนถึงสิ้นปี 2564

ปณท. ต่อยอด“เกษตรกรแฮปปี้” เปิดระบบออนไลน์-ที่ทำการฯ ฝากขายผลไม้

ในการก้าวสู่ปีที่ 19 ขององค์กร ไปรษณีย์ไทยยังคงยึดมั่นและเป็นแรงผลักดันให้เกษตรกรไทยได้ฝ่าวิกฤต COVID-19 อย่างเต็มกำลัง พร้อมทั้งจะเดินหน้าสนับสนุนภาครัฐและเอกชนในการเข้าถึงความช่วยเหลือในทุกภารกิจสำคัญ โดยเฉพาะภาคสังคมและสาธารณสุข อย่างเช่น โครงการ “ส่งความห่วยใย ส่งให้ สู้ภัย COVID-19” ที่ช่วยขนส่งอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับบุคลากรด่านหน้าเพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 เพื่อส่งพลังความห่วงใยและเคียงข้างคนไทยให้ผ่านสถานการณ์วิกฤต COVID-19 นี้ ไปด้วยกัน ดร.ดนันท์ กล่าวทิ้งท้าย