vivo เดินหน้าลุย 5G ผลักดันนวัตกรรม 5G SA ในไทยแบบเต็มสูบ

19 พ.ย. 2564 | 17:34 น.
อัปเดตล่าสุด :20 พ.ย. 2564 | 00:41 น.

vivo ประกาศผลักดันนวัตกรรม 5G SA (Standalone) หรือการใช้งานบนเครือข่าย 5G เพียงอย่างเดียว โดยได้วิจัยและพัฒนาร่วมกับผู้ให้บริการเครือข่ายชั้นนำของไทยทั้ง AIS และ True ซึ่งนวัตกรรม 5G SA จะช่วยให้สัญญาณ 5G ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

vivo มุ่งมั่นและต้องการเป็นผู้นำด้านการพัฒนามาตรฐานเทคโนโลยีการเชื่อมต่อ 5G ผ่านการผลักดันนวัตกรรม 5G SA (Standalone) หรือการใช้งานบนเครือข่าย 5G เพียงอย่างเดียว โดยได้วิจัยและพัฒนาร่วมกับผู้ให้บริการเครือข่ายชั้นนำของไทยทั้ง AIS และ True ซึ่งนวัตกรรม 5G SA จะช่วยให้สัญญาณ 5G ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เนื่องจากไม่ต้องแบ่งปันช่องสัญญาณกับ Core Network อื่นๆ อย่าง 4G

vivo เดินหน้าลุย 5G ผลักดันนวัตกรรม 5G SA ในไทยแบบเต็มสูบ

โดย 5G SA มีข้อดีกว่า 5G NSA (Non-Standalone) หลายประการ อาทิ ช่วยลดค่าความหน่วงจากการใช้งาน (Latency) ให้ต่ำกว่า 10 มิลลิวินาที (Millisecond) ส่งผลต่อประสบการณ์การเล่นเกมหรือดูสตรีมมิงที่ลื่นไหล ประหยัดการใช้งานแบตเตอรี่จากระยะเวลาการดาวน์โหลดข้อมูลที่สั้นลง

 

ตลอดระยะเวลาการทำตลาดในเมืองไทย vivo พยายามนำเสนอสมาร์ตโฟนที่รองรับเทคโนโลยี 5G มาโดยตลอด เริ่มตั้งแต่ vivo NEX 3 5G สมาร์ทโฟนรุ่นแรกของ vivo ที่รองรับ 5G และ vivo V21 5G สมาร์ทโฟนเครื่องแรกที่สามารถรองรับ 5G SA ในประเทศไทย และปัจจุบันมีสมาร์ทโฟนของ vivo ที่วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการถึง 6 รุ่น ที่สามารถรองรับนวัตกรรม 5G SA ได้แล้ว ได้แก่ Y52 5G, Y72 5G, V21 5G, X70 5G, X70 Pro 5G และ V23e 5G สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นล่าสุดที่กำลังจะเปิดตัวในประเทศไทยเร็วๆ นี้

นอกจากนี้ จากการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี 5G SA ร่วมกับผู้ให้บริการเครือข่ายชั้นนำของไทยอย่าง AIS และ True ทำให้สมาร์ทโฟนของ vivo ที่รองรับ 5G SA ที่วางจำหน่ายอยู่ในปัจจุบันทุกรุ่น สามารถใช้งานครอบคลุมได้ทั้งความถี่ 700 MHz และ 2,600 MHz ทั้งบนเครือข่ายของ AIS และ True และวางจำหน่ายในราคาที่ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของและสัมผัสกับนวัตกรรมแห่งอนาคตอย่าง 5G SA ได้อย่างง่ายดาย ในราคาเริ่มต้นเพียง 7,999 บาท

 

vivo ยังมีแผนยกระดับการใช้งานสมาร์ทโฟนผ่านนวัตกรรม 5G SA ให้เต็มประสิทธิภาพมากกว่าเคย โดยกำลังทดสอบ เทคโนโลยี VoNR หรือ Voice over 5G New Radio กับ AIS และ True ซึ่งเทคโนโลยี VoNR จะช่วยให้ผู้ใช้สมาร์ตโฟนสามารถโทรหรือวิดีโอคอลภายใต้ความหน่วงต่ำ มอบประสบการณ์ภาพและเสียงที่ดียิ่งขึ้น รวมถึงช่วยให้เวลารอสายเรียกเข้าและรับสายรวดเร็วกว่าที่เคย ส่งผลต่อประสบการณ์ผู้ใช้งานโดยรวมที่ดียิ่งขึ้น

 

นอกจากนี้ vivo กำลังพัฒนาเทคโนโลยี 5G CA หรือ 5G Carrier Aggregation มาตรฐานระดับโลกที่จะช่วยให้ 5G สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้ลื่นไหลกว่าที่เคย โดยมีจุดเด่นที่ทำให้คลื่นความถี่ทั้ง 2 ย่าน ทำงานผสานและส่งเสริมซึ่งกันและกัน เพื่อขยายความสามารถในการรับส่งข้อมูลให้รวดเร็วยิ่งขึ้น

 

เตรียมพบกับสมาร์ตโฟนและเทคโนโลยีเพื่อนวัตกรรม 5G SA จาก vivo ในเมืองไทยได้บนสมาร์ตโฟน vivo V23e 5G เร็วๆ นี้ และอีกหลากหลายรุ่นในอนาคตให้ผู้บริโภคชาวไทยได้เลือกเป็นเจ้าของเพื่อสัมผัสเทคโนโลยี 5G SA ก่อนใคร