"ชัยวุฒิ" เตือนชักชวนพนันออนไลน์โทษหนักเท่าเจ้ามือบ่อน

23 มิ.ย. 2564 | 15:09 น.

รมว.ดีอีเอส สั่งติดตามกลุ่มชุมนุมไลฟ์สด หากผิดกฎหมาย บิดเบือนข่าว  ประสานตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย ชี้ การร่วมตัวหวั่นเกิดคลัสเตอร์ใหม่ ซ้ำเติมประเทศให้เสียหายยิ่งขึ้น   พร้อม สั่งตรวจสอบ คอลัมนิสต์ นักวิจารณ์ฟุตบอล  อินฟูลเอ็นเซอร์ เข้าข่ายโฆษณาแฝงหรือไม่  ชี้โทษหนักเท่าเจ้าของบ่อน

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอีเอส  ระบุว่า ที่ประชุมกองทุนคณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ที่มีพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุม  ได้ตั้งวงเงินไว้ 3 พันล้านบาท  มีผู้เสนอมากกว่า 600 โครงการ กว่า 2 หมื่นล้านบาท ดังนั้น คณะกรรมการฯจึงต้องมากลั่นกรองให้อยู่ในกรอบวงเงินของปี 2564 ยืนยันว่า การทำงานทั้งหมด จะทำด้วยความโปร่งใส มีคณะกรรมการฯตรวจสอบให้เป็นโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาดิจิทัลต่อไป 

\"ชัยวุฒิ\" เตือนชักชวนพนันออนไลน์โทษหนักเท่าเจ้ามือบ่อน

ส่วนการชุมนุมของกลุ่มไทยไม่ทน ที่นัดชุมชุมผ่านทางเฟซบุ๊กไลฟ์ในเวลา 19.00 น.วันนี้ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า เรื่องนี้กระทรวงฯได้ติดตามสื่อโซเซียลอยู่แล้ว หากให้ข้อมูลอันเป็นเท็จ ประเทศชาติเสียหาย  ประชาชนตื่นตระหนก ก็มีความผิด ตาม พรบ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ โดยกระทรวงฯก็จะติดตาม รวบรวมพยานหลักฐาน หากทำผิดก็ต้องดำเนินคดี และทำการปิดกั้น ตามอำนาจที่มี ดังนั้นขอให้ทุกคนระมัดระวัง การเคลื่อนไหวทางการเมือง อย่าเอาแต่ความสะใจไม่ได้ ต้องดูว่าบ้านเมืองเสียหายหรือไม่ เพราะขณะนี้ บ้านเมืองกำลังเดินหน้าแก้ปัญหาโควิด 19 ต้องการเปิดประเทศให้เร็วที่สุด  โดยทุกคนต้องช่วยกันร่วมมือกับรัฐบาลเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดโควิดให้ได้ หากมาชุมนุมรวมตัวจำนวนมาก หากเกิดการระบาดอีกเป็นคลัสเตอร์ใหม่ เท่ากับเป็นการซ้ำเติมประเทศให้เสียหายหนักยิ่งขึ้น การทำงานของรัฐบาลก็ยากยิ่งขึ้น ดังนั้นขอให้ผู้ชุมนุมคิดถึงบ้านเมืองด้วย และต้องช่วยกัน  

นายชัยวุฒิ กล่าวถึงการปราบปรามพนันออนไลน์ ในช่วงฟุตบอลยูโร 2020 ว่ากระทรวงฯให้ความสำคัญในเรื่องนี้ ได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาทำงานประสานกับตำรวจ ให้กวาดข้อมูลในโซเซียล เพื่อรวบรวมหลักฐานดำเนินคดีทั้งหมด แต่ยอมรับว่าบางเว็บปิดกั้นไม่ได้ เพราะมีที่มาจากต่างประเทศ  ซึ่งก็เป็นปัญหาที่มาจากระบบอินเทอร์เน็ตที่เปิดกว้างให้สื่อต่างประเทศเข้ามามาก โดยกระทรวงฯกำลังหาทางแก้ไข  หากในประเทศรู้ต้นตอก็จะดำเนินการสืบสวนสอบสวนทั้งหมด โดยเฉพาะในประเทศไทย ซึ่งได้ดำเนินคดีไปหลายคดีแล้ว พบว่าสถิติการแข่งขันฟุตบอลยูโรมีการพนันแข่งขันเพิ่มขึ้น แต่ที่เป็นห่วง คือพบมีการโฆษณาเชิญชวนเล่นการพนันออนไลน์ ที่มีคอลัมนิสต์  นักวิจารณ์ฟุตบอล พริตตี้ และ อินฟูลเอ็นเซอร์  ต่างๆ ซึ่งไม่ใช่แค่เชียร์บอลอย่างเดียว แต่มีการโฆษณาแฝง ในเฟซบุ๊กส่วนตัวด้วย โดยอาจได้ค่านายหน้าในการชักชวน  ดังนั้นถือว่ามีความผิด เทียบเท่ากับเจ้าของบ่อน ตามกฎหมาย ซึ่งให้ตำรวจติดตามรวบรวมพยานหลักฐานเรื่องนี้ด้วย เพราะเป็นการส่งเสริมให้คนเล่นการพนันเป็นสิ่งไม่ถูกต้อง  ขนาดเหล้าและบุหรี่ยังห้ามโฆษณาในบางช่วงเวลา จึงฝากให้ทุกคนช่วยกัน 

รมว.ดีอีเอส ยังยอมรับว่า พ.ร.บ.การพนัน ยังถือว่ามีโทษน้อย จึงต้องใช้ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ควบคู่ไปด้วย และส่วนตัวเห็นด้วยที่จะต้องปรับกฎหมายให้เข้มข้นขึ้น เช่นเดียวกับกรณีแม่น้ำหนึ่ง ก็กำลังติดตามอยู่ เพราะไม่มีใครไปลงโทษ และตามกฎหมายโทษไม่หนัก

 

ส่วนการที่นายกรัฐมนตรีสั่งการตั้งศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม หรือ เฟกนิวส์ทุกกระทรวงนั้น ในส่วนของกระทรวงดีอีเอส ยังคงเป็นศูนย์กลางในการติดตามเฟกนิวส์อยู่แล้ว  แต่ให้ทุกกระทรวงช่วยติดตาม ชี้แจง แก้ข่าวให้ประชาชนเข้าใจมากยิ่งขึ้น ถือเป็นความร่วมมือที่ดี ลดความตื่นตระหนกให้กับประชาชน แต่ทั้งนี้ยอมรับว่า การตรวจจับเฟคนิวส์ได้ทั้งหมด แต่การดำเนินคดี ยังดำเนินการได้ไม่หมด  และแก้ปัญหาได้ไม่เต็มร้อย เพราะสื่อออนไลน์แชร์ไปเร็วและแพร่หลายมาก โดยเฉพาะข่าวไม่ดี แพร่เร็วกว่าข่าวดี จึงเป็นปัญหา ดังนั้นต้องเร่งรัดชี้แจงประชาชนให้เร็วมากยิ่งขึ้น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ดีอีเอสผนึกสตช.ผุดศูนย์ปราบพนันออนไลน์"ฟุตบอลยูโร2020"

อัดโซเชียลมีเดีย ไม่รับผิดชอบ บล็อกพนันออนไลน์