แนะธุรกิจประกัน สร้างระบบนิเวศ สู่‘Innovative Insurer’

09 ส.ค. 2563 | 13:20 น.
อัปเดตล่าสุด :09 ส.ค. 2563 | 19:57 น.

 

บลูบิค แนะธุรกิจประกันเร่งสร้างสรรค์นวัตกรรมในยุคดิจิทัลและสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจเพิ่มความได้เปรียบ สู่การเป็น Innovative Insurer ครองใจผู้ซื้อกรมธรรม์ พร้อมแนะ 3 แนวทางเตรียมความพร้อมอย่างรอบด้านสำหรับธุรกิจประกัน เพื่อสร้างความได้เปรียบและเสริมแกร่งให้ธุรกิจ

นายพชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด) บริษัทที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์และการจัดการด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี เปิดเผยว่าการแข่งขันรุนแรงในอุตสาหกรรมประกันภัย จากผลกระทบของพฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปในยุคดิจิทัล รวมถึงล่าสุดจากวิกฤติโควิด ทำให้หลายองค์กรในภาคอุตสาหกรรมต่างเร่งค้นหาแนว ทางเพื่อปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ อย่างไรก็ตามไม่ใช่ทุกองค์กรจะประสบความสำเร็จในการดำเนินการดังกล่าว เนื่องด้วยข้อจำกัดเรื่องต้นทุน ศักยภาพของบุคลากร และข้อจำกัดในด้านอื่นๆ ดังนั้นการปรับใช้เทคโนโลยีอย่างมีกลยุทธ์จึงเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นต้องทำ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้ธุรกิจขยายตัว และขึ้นเป็นผู้นำในภาคอุตสาหกรรม

ทั้งนี้กุญแจสู่การขึ้นเป็นผู้นำในธุรกิจประกันภัยด้วยการสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจ หรือ Business Ecosystem เพื่อให้สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการได้อย่างครอบคลุมมากขึ้น โดยธุรกิจประกันควรดำเนินการผ่าน 3 แนวทาง ดังนี้

1. เชื่อมต่อกับเครือข่ายพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ โดยแสวงหาพันธมิตรจะช่วยให้ธุรกิจประกันสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการได้อย่างครอบคลุมขึ้น โดยสามารถนำเสนอกรมธรรม์ประเภทใหม่ๆ จากกรมธรรม์ประกันชีวิตเพียงอย่างเดียวสู่กรมธรรม์แบบครอบคลุมทุกด้าน นอกจากนี้การสร้างเครือข่ายพันธมิตรยัง ช่วยขยายช่องทางการเข้าถึงลูกค้า จากเดิมที่เข้าถึงผ่านช่องทางของบริษัทเพียงอย่างเดียวไปสู่แพลตฟอร์มอื่นๆ เช่น แพลตฟอร์ม อี-คอมเมิร์ซ

 

แนะธุรกิจประกัน สร้างระบบนิเวศ สู่‘Innovative Insurer’

 

2. ลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีประกันภัย (Insurtech) จะช่วยให้บริษัทประกันร่นระยะเวลาในการพัฒนาระบบขึ้นมาใหม่ เช่น กรณีบริษัท ประกันภัยรายใหญ่ของจีน ที่เข้าไปลงทุนในบริษัท Insurtech หลายแห่ง ทำให้สามารถสร้างระบบนิเวศธุรกิจของตัวเอง ซึ่งเป็น การสร้างเครือข่ายให้ผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ เชื่อมโยงกัน และใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยสร้างห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) ที่เป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัท เช่น การใช้ ปัญญาประดิษฐ์ เข้ามาช่วยทำให้ระบบการดำเนินงานต่างๆ เป็นไปอย่างอัตโนมัติ

 

 

3. ให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนาระบบ (Research and Development) โดยการลงทุนพัฒนาระบบและนวัตกรรมมีความสำคัญเพื่อก่อให้เกิดระบบนิเวศทางธุรกิจที่ยั่งยืนได้ในระยะยาว เนื่องจากจะทำให้องค์กรมีเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ความต้อง การของลูกค้าได้อย่างเหมาะสม อาทิ หากธุรกิจประกันสามารถลงทุนเพื่อพัฒนาระบบวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics System) สำหรับทำความเข้าใจความต้องการของลูกค้าในเชิงลึก จะสามารถพัฒนาสินค้าและบริการออกมาได้ตรงใจลูกค้ามากที่สุด รวมถึงควรพัฒนาเรื่องความปลอดภัยของข้อมูล (Data Security) จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า

 

 

นอกจากการสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจแล้ว การเตรียมความพร้อมอย่างรอบด้านที่มีความสัมพันธ์กับเทคโนโลยียังมีความสำคัญต่อธุรกิจประกันภัยเช่นกัน โดยแนวทางดังกล่าวแบ่งออกเป็น 3 ด้านหลัก ดังนี้ 1. ทลายขีดจำกัดของธุรกิจ ด้วยการพยายามลดช่องว่างและข้อจำกัดด้านเทคโนโลยี ควรมีการเตรียมพร้อมหากต้องเพิ่มการเชื่อมต่อระบบในอนาคตเพื่อพัฒนาให้ระบบการดำเนินงานต่างๆ มีความคล่องตัวมากขึ้นและเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ 2. ปรับธุรกิจให้ยืดหยุ่น (Adaptable) ให้สามารถรองรับความต้องการทางธุรกิจที่เปลี่ยน แปลงไปได้ตลอดเวลา เช่น การใช้คลาวด์คอมพิวติ้งมาประยุกต์ใช้ในองค์กร เพื่อให้สามารถปรับลดหรือเพิ่มปริมาณการใช้งานให้เหมาะสมได้ในอนาคต และ 3. ปรับวิธีคิดของคนในองค์กรให้พร้อมรับกับเทคโนโลยีใหม่ๆ 

 

หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3,598 หน้า16 วันที่ 6 - 8 สิงหาคม 2563