พฤติกรรมดิจิทัลโต คนไทยเกินครึ่งใช้เงินสดน้อยลง

22 มิ.ย. 2563 | 16:07 น.

โควิด-19 ได้กระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผ่านการนำอีคอมเมิร์ซ การส่งของถึงบ้าน การจ่ายแบบดิจิทัลและการจ่ายแบบคอนแทคเลสมาปรับใช้ในการดำเนินธุรกิจอย่างรวดเร็ว โดยอ้างอิงจากผลสำรวจผลกระทบของโควิด-19 ต่อเศรษฐกิจประเทศของมาสเตอร์การ์ด (Mastercard Impact Studies™) ฉบับล่าสุด ถึงแม้หลายๆ ประเทศในภูมิภาคเริ่มผ่อนปรนมาตรการต่างๆ และเตรียมพร้อมเข้าสู่ New Normal แต่ผลสำรวจกลับชี้ให้เห็นว่าเทรนด์และพฤติกรรมบางอย่างที่เกิดขึ้นเพื่อปรับตัวต่อโควิด-19 มีแนวโน้มที่จะคงอยู่ในระยะยาว

จากการรวบรวมข้อมูลจากผู้บริโภคใน 10 ประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเพื่อสำรวจผลกระทบของวิกฤตการณ์ต่อทัศนะคติและพฤติกรรมผู้บริโภคและนักธุรกิจ ผลสำรวจชี้ให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมระดับภูมิภาคที่เกิดขึ้นคือวีธีการจ่ายเงิน ซึ่งจากการสำรวจผู้บริโภคส่วนใหญ่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 พบว่ามีการใช้เงินสดลดน้อยลง โดยในประเทศไทยน้อยลง 59 % ในประเทศมาเลเซียและฟิลิปปินส์น้อยลง 64 % และในประเทศสิงคโปร์มีการใช้เงินสดน้อยลงถึง 67 %

ในขณะเดียวกันการจ่ายแบบคอนเทคเลสเพิ่มสูงขึ้น โดยในประเทศไทย การจ่ายผ่านโทรศัพท์มือถือและกระเป๋าเงินดิจิทัลเพิ่มขึ้นมากที่สุดถึง 27 % การจ่ายผ่านบัตรเครดิตแบบคอนเทคเลสเพิ่มขึ้น 18 % และการจ่ายผ่านบัตรเดบิตแบบคอนเทคเลสเพิ่มขึ้น 15 %

ผู้บริโภคชาวไทยส่วนใหญ่ที่ร่วมทำผลสำรวจระบุว่ามีการทำกิจกรรมออนไลน์มากขึ้นในชีวิตประจำวัน โดยมีการช้อปปิ้งออนไลน์มากขึ้นถึง 43 %  การใช้วีดีโอสตรีมมิ่งออนไลน์มากขึ้นถึง 49 % และการใช้อินเตอร์เน็ตเพื่อข่าวและความบันเทิงเพิ่มขึ้นถึง 55 %  ซึ่งการเพิ่มขึ้นของออนไลน์ช้อปปิ้งเป็นเทรนด์ที่เกิดขึ้นในหลายประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่าง มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์

เมื่อถามถึงกิจกรรมในชีวิตประจำวันภายหลังการผ่อนปรนมาตรการต่างๆ 70 %ของผู้คนที่ไปร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้าและสถานบันเทิงน้อยลงในช่วงโควิด-19 ระบุว่าไม่คิดจะกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิม ในขณะที่การช้อปปิ้งออนไลน์ การส่งของถึงบ้าน และการทำงานจากบ้านมีแนวโน้มที่จะเติบโตต่อในระยะยาว

“โควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อทุกคนทั่วโลกไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ผู้บริโภคและธุรกิจหลายรายมีการปรับตัวเข้าสู่โลกดิจิทัลและการจ่ายแบบคอนแทคเลสอย่างรวดเร็วเพื่อความปลอดภัยและเพื่อให้สามารถดำเนินกิจการต่อไปอย่างเป็นปกติในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ ในขณะที่องค์กรและประเทศต่างๆ เตรียมพร้อมกลับสู่สภาวะปกติ ผู้บริโภคยังมีความกังวลต่อความปลอดภัย โดยเห็นได้จากวิธีการช้อปปิ้งและทำธุรกรรมทางการเงินทั่วภูมิภาค และในช่วงเวลาที่ท้าทายนี้ มาสเตอร์การ์ดมุ่งมั่นใช้พลังของดาต้าช่วยให้ธุรกิจทุกขนาดสามารถปรับตัวและพัฒนาเพื่อตอบสนองต่อความต้องการและพฤติกรรมของผู้บริโภคผ่านเครื่องมือทางอีคอมเมิร์ซ การเพิ่มวงเงินการจ่ายแบบคอนแทคเลส พร้อมการเปลี่ยนแปลงไปสู่การจ่ายแบบคอนแทคเลสทั่วภูมิภาคจะถือเป็นหลักสำคัญในการวางกลลยุทธ์ต่างๆ เมื่อนำความรู้สึกและความกังวลของผู้บริโภคเป็นที่ตั้งในการตัดสินใจ ทั้งภาคธุรกิจและภาครัฐก็จะสามารถก้าวต่อไปอย่างมั่นใจยิ่งขึ้นในท่ามกลางสถานการณ์เช่นในปัจจุบันและบรรเทาผลกระทบที่จะมากับวิกฤตการณ์ในอนาคต” นายซาฟดาร์ คาน ประธานฝ่ายภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ มาสเตอร์การ์ดกล่าว

มาสเตอร์การ์ดได้นำอีคอมเมิร์ซมาปรับใช้หลายปีก่อนที่จะเกิดสถานการ์ณโควิด-19 เพื่อเพิ่มตัวเลือกและความสะดวกสบายให้แก่ผู้บริโภคในการช้อปปิ้งและใช้จ่าย ไม่ว่าจะผ่านการแตะบัตรหรือโทรศัพท์มือถือที่จุดชำระเงินแบบคอนเทคเลสในร้านค้า รวมถึงการใช้กระเป๋าเงินดิจิทัลในสมาร์ทโฟน การซื้อของออนไลน์ และการโอนเงินหรือจ่ายบิลอย่างราบรื่น ในส่วนของร้านค้า ไม่ว่าจะขนาดเล็ก กลาง หรือใหญ่ มาสเตอร์การ์ดมีโซลูชั่นและบริการด้านอีคอมเมิร์ซ การชำระเงิน ความมั่นคงและปลอดภัยทางไซเบอร์ การป้องกันจากการฉ้อโกง การวิเคราะห์ข้อมูล และการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เพื่อให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้ในสภาพแวดล้อมที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

มาสเตอร์การ์ดตั้งใจเต็มที่ในการสนับสนุนผู้บริโภคและธุรกิจในการขับเคลื่อนสู่วิถีไร้เงินสด ตัวอย่างการสนับสนุน ได้แก่เพิ่มการใช้คอนแทคเลส: ล่าสุด นักฟุตบอลชื่อดังอย่าง เจ ชนาธิป ได้เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของมาสเตอร์การ์ดประเทศไทย ซึ่งช่วยให้ความรู้แก่ผู้บริโภคและร้านค้าถึงประโยชน์ของ “Tap & Go” หรือเทคโนโลยีการจ่ายเงินแบบคอนเทคเลสของมาสเตอร์การ์ด ผ่านแคมเปญระดับโลก นอกจากนี้ มาสเตอร์การ์ดยังได้ร่วมมือกับมูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย ซึ่งชนาธิปได้มีส่วนร่วมในการสนับสนุนให้ประชาชนร่วมบริจาคอาหารเช้าแก่เด็กๆ ตามโรงเรียนผ่านการใช้จ่ายแบบคอนแทคเลส ในขณะที่สถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลายลงและกิจกรรมต่างๆ เริ่มกลับมาเป็นปกติ ชนาธิปได้ใช้ช่องทางโซเชียลมีเดียของตนเองเพื่อกระตุ้นให้คนไทยใช้ชีวิตอย่างปลอดภัยและใช้จ่ายแบบคอนแทคเลสมากขึ้น มาสเตอร์การ์ดยังร่วมกับร้านค้าชั้นนำในประเทศไทยเพื่อเพิ่มความพร้อมในการจ่ายแบบคอนแทคเลสผ่านการอบรมแคชเชียร์และการติดป้ายให้ความรู้ภายในร้าน

ขยายการจ่ายแบบคอนเทคเลสผ่านบัตรเดบิตที่ออกในไทย : ผู้บริโภคในไทยที่ถือบัตรเดบิตสามารถชำระเงินออนไลน์ได้อย่างราบรื่นและปลอดภัยจากความร่วมมือระหว่างมาสเตอร์การ์ดกับบริษัท เนชั่นแนล ไอทีเอ็มเอ๊กซ์ จำกัด (National ITMX) ปัจจุบันร้านค้าทั้งในและนอกประเทศไทยสามารถรับชำระค่าสินค้าได้อย่างปลอดภัยจากผู้ถือบัตรเดบิตในไทยนับล้านราย นับเป็นการขยายฐานลูกค้าระหว่างประเทศเพื่อต่อยอดธุรกิจอีกด้วย ในขณะเดียวกัน มาสเตอร์การ์ดก็ได้ร่วมมือกับธนาคารหลายแห่งเพื่อให้มั่นใจว่าลูกค้าสามารถเข้าถึงบัตรเดบิตมาสเตอร์การ์ดได้มากขึ้น

ปรับปรุงอีคอมเมิร์ซผ่านโปรโมชั่นที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค : เพื่อให้ผู้ถือบัตรมาสเตอร์การ์ดยังสามารถจับจ่ายได้ตามปกติและปลอดภัย มาสเตอร์การ์ดได้มอบโปรโมชั่นใหม่ๆ เพื่อให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ตลอดจนความปลอดภัยในการช้อปสินค้าออนไลน์ โดยร่วมมือกับร้านค้าชั้นนำ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเซ็นทรัล ลาซาด้า และแกร็บ เพื่อมอบความสะดวกสบายแก่ผู้บริโภคขณะอยู่บ้าน

สร้างเครื่องมือทางอีคอมเมิร์ซที่ช่วยเสริมแกร่งธุรกิจ: ในการสนับสนุนธุรกิจที่กำลังมองหาช่องทางที่ทำให้ตนเองเป็นที่รู้จักบนแพลตฟอร์มดิจิทัล มาสเตอร์การ์ดได้พัฒนาโซลูชั่นอย่าง Simplify Commerce หรือแพลตฟอร์มการชำระเงินที่มีความปลอดภัยและใช้งานง่าย ช่วยให้ธุรกิจสามารถรับชำระเงินผ่านช่องทางออนไลน์ได้ง่ายมากขึ้นไม่ว่าจะจ่ายด้วยแบรนด์ใดก็ตาม และด้วยกระบวนการทำงานที่ง่ายขึ้นผ่านบริการชำระเงินและการบริหารจัดการธุรกิจ เจ้าของธุรกิจสามารถมุ่งความสนใจไปที่ภารกิจหลักหรือเป้าหมายของธุรกิจตัวเองได้มากขึ้นเมื่อพวกเขาก้าวเข้าสู่แพลตฟอร์มดิจิทัล