net-zero

“GULF” อัด 7 หมื่นล้านบาท 5 ปีลุย “พลังงานหมุนเวียน” กว่า 7 พัน MW

    GULF กางแผนขับเคลื่อน Net Zero อัดงบลงทุน 5 ปี กว่า 7 หมื่นล้านบาท ลุยพัฒนาพลังงานหมุนเวียนกว่า 7 พันเมกะวัตต์ ทั้งพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และพลังงานน้ำ ใน 5 ประเทศ

บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ผู้ประกอบธุรกิจใน 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1.ธุรกิจพลังงานซึ่งประกอบด้วย ธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติ และธุรกิจให้บริการที่เกี่ยวข้องของกลุ่มบริษัทฯ ธุรกิจพลังงานหมุนเวียน และธุรกิจก๊าซ 2.ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภค และ 3.ธุรกิจดิจิทัล

โดยในระยะสั้น ตั้งเป้าหมายลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางตรงต่อหนึ่งหน่วยผลิตลง (Scope 1 carbon intensity) 25% ภายในปี 2573 เมื่อเทียบกับปีฐาน 2562 ส่วนระยะกลาง มีเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนให้ได้อย่างน้อย 40 % ของกำลังการผลิตติดตั้งรวม ภายในปี 2578 จากการขยายการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ สำหรับระยะยาว ตั้งเป้าหมายปล่อยก๊าซเรือนกระจกขอบเขตที่ 1 และ 2 สุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี 2593

นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์จำกัด (มหาชน) หรือ GULF กล่าวว่า การดำเนินงานเพื่อไปสู่เป้าหมายดังกล่าวบริษัทมีแผนการลงทุนที่ชัดเจน โดยในช่วง 5 ปี (2568-2572) ได้ตั้งงบลงทุนไว้ราว 90,000 ล้านบาท เป็นในส่วนของการลงทุนด้านพลังงานหมุนเวียน ในสัดส่วนถึง 79% หรือประมาณ 71,100 ล้านบาท ไม่ว่าจะเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ โรงไฟฟ้าพลังงานลม โรงไฟฟ้าพลังงานนํ้า โรงไฟฟ้าขยะ และโรงไฟฟ้าชีวมวล ส่วนอีก 14% เป็นก๊าซธรรมชาติ ดิจิทัล 5% และธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน 2%

“GULF” อัด 7 หมื่นล้านบาท 5 ปีลุย “พลังงานหมุนเวียน” กว่า 7 พัน MW

“การลงทุนพลังงานหมุนเวียนในช่วง 5 ปี อาทิ การลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมในประเทศไทย กำลังผลิตกว่า 3,000 เมกะวัตต์ ลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานนํ้า ในสปป.ลาว กำลังผลิต 3,142 เมกะวัตต์ ลงทุนพลังงานลมในสหราชอาณาจักร กำลังผลิต 1,500 เมกะวัตต์ เป็นต้น”

ทั้งนี้ บริษัทมีเป้าหมายจะเพิ่มกำลังผลิตติดตั้ง 23,855 เมกะวัตต์ ภายในปี 2576 คิดเป็นสัดส่วนของพลังงานหมุนเวียนราว 37.7% หรือราว 8,994 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมาติ 62.3 % หรือราว 14,861 เมกะวัตต์ และหากคิดตามสัดส่วนตามการถือหุ้น บริษัทจะมีกำลังผลิตติดตั้ง 13,165 เมกะวัตต์ มีสัดส่วนของพลังงานหมุนเวียนอยู่ที่ 38.8% หรือราว 5,108 เมกะวัตต์ โดยเป็นโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติอยู่ที่ 8,057 เมกะวัตต์ คิดเป็นสัดส่วนราว 61.2% และเมื่อถึงปี 2578 บริษัทจะมีสัดส่วนของพลังงานหมุนเวียนอยู่ที่ 40 % และโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ 60%

นางสาวยุพาพิน กล่าวอีกว่า สำหรับปี 2568 บริษัท จะใช้เงินลงทุนราว 23,000 ล้านบาท เป็นการนำมาใช้ลงทุนพลังงานหมุนเวียนในสัดส่วนราว 70% เช่น ลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ติดตั้งบนพื้นดินหรือโซลาร์ฟาร์ม และโซลาร์ฟาร์มบวกระบบกักเก็บพลังงาน โรงไฟฟ้าพลังงานนํ้า เป็นต้น และอีก 10% ก๊าซธรรมชาติ และดิจิทัล 20%

ทั้งนี้ เมื่อสิ้นสุดปี 2568 คาดว่าบริษัทจะมีกำลังผลิตติดตั้งเพิ่มขึ้นเป็น 16,577 เมกะวัตต์ หรือเพิ่มขึ้นจากปี 2567 ประมาณ 1,477 เมกะวัตต์ โดยจะมาจากโรงไฟฟ้าก๊าซฯ โครงการ HKP หน่วยผลิตที่ 2 กำลังการผลิตติดตั้ง 770 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน (solar farms) 5 โครงการ กำลังผลิต 308 เมกะวัตต์ และโครงการพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินร่วมกับระบบกักเก็บพลังงาน (solar farms with battery energy storage systems) ภายในประเทศอีก 2 โครงการ กำลังผลิต 289 เมกะวัตต์ และโครงการ solar rooftop กำลังผลิต 110 เมกะวัตต์

ในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 กัลฟ์ฯ มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 15,870 เมกะวัตต์ เป็นสัดส่วนโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ 90% หรือมีกำลังผลิต 14,283 เมกะวัตต์ และมีสัดส่วนพลังงานหมุนเวียน 10% หรืออยู่ที่ 1,587 เมกะวัตต์ และหากคิดตามสัดส่วนการถือหุ้นกัลฟ์จะมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 8,971 เมกะวัตต์ เป็นโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในสัดส่วน 87% หรือราว 7,804.77 เมกะวัตต์ ขณะที่สัดส่วนพลังงานหมุนเวียนอยู่ที่ 13 % หรือราว 1,166.23 เมกะวัตต์

ปัจจุบันบริษัทมีกำลังผลิตไฟฟ้าจากก๊าซฯที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้ว ที่กำลังผลิต 14,261 เมกะวัตต์ หากคิดตามสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ที่ 7,847 เมกะวัตต์ ขณะที่โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้ว 1,609 เมกะวัตต์ แต่หากคิดตามสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ที่ 1,124 เมกะวัตต์

ส่วนกำลังการผลิตที่เหลืออยู่ระหว่างการก่อสร้างและพัฒนารวมกำลังผลิต 7,985 เมกะวัตต์ เป็นโรงไฟฟ้าก๊าซ 600 เมกะวัตต์ และพลังงานหมุนเวียน 7,385 เมกะวัตต์ อาทิโรงไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และโรงไฟฟ้าพลังงานนํ้า ทั้งในและต่างประเทศ

ส่วนธุรกิจก๊าซ ในปีนี้ กลุ่มบริษัทฯ มีแผนขยายการนำเข้า LNG เพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 70 ลำ หรือประมาณ 4-5 ล้านตัน เพื่อรองรับการผลิตไฟฟ้าของโครงการโรงไฟฟ้า GSRC GPD และ HKP และมีแผนที่จะเริ่มก่อสร้างสถานีรับ-จ่ายก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG terminal) ในช่วงกลางปีนี้