environment

ยอดใช้รถยนต์ไฟฟ้าพุ่ง ฉุดการใช้น้ำมันเบนซิน-ก๊าซ NGV ม.ค.ร่วง

    กรมธุรกิจพลังงาน เผยท่องเที่ยวฟื้นตัว ดันยอดการใช้นํ้ามันเครื่องบิน ม.ค.68 พุ่ง 21% ขณะที่ประชาชนหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ฉุดยอดใช้เบนซิน ก๊าซเอ็นจีวีร่วง

นายสราวุธ แก้วตาทิพย์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เปิดเผยถึงสถานการณ์การใช้นํ้ามันในเดือนมกราคม 2568 ว่า ภาพรวมการใช้นํ้ามันเชื้อเพลิงอยู่ที่ 157.56 ล้านลิตรต่อวัน เพิ่มขึ้น 2.8 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวและบริการ รวมทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

โดยนํ้ามันดีเซลหมุนเร็ว จำหน่ายผ่านสถานีบริการเพิ่มขึ้น 0.4% นํ้ามันอากาศยานเชิงพาณิชย์ (Jet A1) เพิ่มขึ้น 21% และการใช้ก๊าซหุงต้ม( LPG) เพิ่มขึ้น 2.9% ขณะที่กลุ่มเบนซินลดลง 3.0% การใช้นํ้ามันเตาเพิ่มขึ้น 3.7 % และ NGV ลดลง 15.3 %

สำหรับการใช้นํ้ามันกลุ่มเบนซินเฉลี่ยอยู่ที่ 31.25 ล้านลิตรต่อวัน ลดลง 3.0% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน โดยการใช้แก๊สโซฮอล์ 91 ลดลงมาอยู่ที่ 6.68 ล้านลิตรต่อวัน แก๊สโซฮอล์ อี 20 ลดลงมาอยู่ที่ 5.05 ล้านลิตรต่อวัน เบนซินลดลงมาอยู่ที่ 0.38 ล้านลิตรต่อวัน และแก๊สโซฮอล์ อี85 ลดลงมาอยู่ที่ 0.06 ล้านลิตรต่อวัน ขณะที่นํ้ามันแก๊สโซฮอล์ 95 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 18.71 ล้านลิตรต่อวัน

ยอดใช้รถยนต์ไฟฟ้าพุ่ง ฉุดการใช้น้ำมันเบนซิน-ก๊าซ NGV ม.ค.ร่วง

อย่างไรก็ตาม การใช้นํ้ามันกลุ่มเบนซินเริ่มเห็นสัญญาณของการชะลอตัวลง โดยมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย อาทิ การขยายตัวของยานยนต์ไฟฟ้า (BEV HEV และ PHEV) มีสัดส่วน 5.67 % ของรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ไม่เกิน 7 คน รวมถึงการใช้งานระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนที่มีการขยายตัวของผู้โดยสารอย่างต่อเนื่องคิดเป็น 15.26 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ส่วนการใช้นํ้ามันดีเซลหมุนเร็ว ผ่านสถานีบริการเฉลี่ยอยู่ที่ 68.16 ล้านลิตรต่อวัน เพิ่มขึ้น 0.4% โดยนํ้ามันดีเซลหมุนเร็วธรรมดา เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 68.03 ล้านลิตรต่อวัน ขยายตัวตามภาวะเศรษฐกิจจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่าง ๆ รวมถึงการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและการส่งออกสินค้า

ประกอบกับนโยบายตรึงราคานํ้ามันดีเซลเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อภาระค่าครองชีพของประชาชน ในปัจจุบันกรมธุรกิจพลังงาน ปรับลดสัดส่วนการผสมไบโอดีเซลลงเป็น ดีเซลหมุนเร็ว บี 5 มีผลตั้งแต่วันที่ 21 พฤศจิกายน 2567 ตามมติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2567 เนื่องจากราคาผลปาล์มทะลายและนํ้ามันปาล์มดิบปรับตัวสูงส่งผลต่อราคาไบโอดีเซล

สำหรับการใช้ดีเซลพื้นฐาน เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1.85 ล้านลิตรต่อวัน ดีเซลหมุนเร็ว บี 20 ลดลงมาอยู่ที่ 0.132 ล้านลิตรต่อวัน ทั้งนี้ ภาพรวมปริมาณการใช้นํ้ามันกลุ่มดีเซลอยู่ที่ 70.01 ล้านลิตรต่อวัน

ขณะที่การใช้นํ้ามันอากาศยานเชิงพาณิชย์ (Jet A1) เฉลี่ยอยู่ที่ 19.81 ล้านลิตรต่อวัน เพิ่มขึ้น 21% มีปัจจัยมาจากการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของภาคท่องเที่ยวและการบริการผ่านมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่องของภาครัฐ

โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่าจากสถิตินักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 1-31 มกราคม 2568 มีจำนวนสะสม 3.709 ล้านคน เพิ่มขึ้น 22.2% เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน รวมถึงการขยายตัวของการขนส่งสินค้าทางอากาศ ส่งผลให้ปริมาณการใช้ปรับตัวสูงขึ้น

ส่วนการใช้ก๊าซหุงต้ม( LPG) เฉลี่ยอยู่ที่ 16.66 ล้านกิโลกรัมต่อวัน เพิ่มขึ้น2.9 % โดยเป็นการเพิ่มขึ้นทุกรายสาขา ประกอบด้วยการใช้ในภาคครัวเรือน เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 6.17 ล้านกิโลกรัมต่อวัน ภาคปิโตรเคมีเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 6.10 ล้านกิโลกรัมต่อวัน ภาคขนส่ง เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2.306 ล้านกิโลกรัมต่อวัน จากการขยายตัวของกลุ่มรถแท็กซี่เป็นสำคัญ และภาคอุตสาหกรรม เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2.09 ล้านกิโลกรัมต่อวัน

ทั้งนี้ การใช้ NGV เฉลี่ยอยู่ที่ 2.47 ล้านกิโลกรัมต่อวัน ลดลง 15.3 % โดยมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องสอดคล้องกับจำนวนรถจดทะเบียน NGV สะสม และจำนวนสถานีบริการ NGV ที่มีแนวโน้มปิดตัวลง โดย ปตท. ยังคงช่วยเหลือโดยตรึงราคาให้กับกลุ่มรถแท็กซี่และรถโดยสารสาธารณะที่ถือบัตรสิทธิประโยชน์ ปัจจุบันดำเนินการอยู่ในระยะที่ 2 (1 ก.ค. 2567 -31 ธ.ค. 2568)

นายสราวุธ กล่าวอีกว่า สำหรับการนำเข้านํ้ามันเชื้อเพลิง เฉลี่ยอยู่ที่ 1,126,251 บาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้น 7.6 % คิดเป็นมูลค่าการนำเข้ารวม 94,549 ล้านบาทต่อเดือน โดยเป็นการนำเข้านํ้ามันดิบอยู่ที่ 1,095,257 บาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้น 11.1 % คิดเป็นมูลค่าการนำเข้านํ้ามันดิบอยู่ที่ 92,565 ล้านบาทต่อเดือน

สำหรับการนำเข้านํ้ามันสำเร็จรูป (นํ้ามันเบนซินพื้นฐาน นํ้ามันดีเซลพื้นฐาน นํ้ามันอากาศยาน และ LPG) อยู่ที่ 30,993 บาร์เรลต่อวัน ลดลง 49.2% คิดเป็นมูลค่าการนำเข้านํ้ามันสำเร็จรูปอยู่ที่ 1,984 ล้านบาทต่อเดือน

ส่วนการส่งออกนํ้ามันสำเร็จรูป เฉลี่ยอยู่ที่ 146,143 บาร์เรลต่อวัน ลดลง 8.0 % เป็นการส่งออกนํ้ามันเบนซิน นํ้ามันดีเซล นํ้ามันเตา นํ้ามันอากาศยาน และ LPG คิดเป็นมูลค่าส่งออกรวม 13,819 ล้านบาทต่อเดือน