โลกร้อนทำหิมะหาย สกีรีสอร์ทสหรัฐฯ สูญ 5 พันล้านดอลลาร์

การเล่นสกีและสโนว์บอร์ด เป็นกีฬานันทนาการที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก เฉพาะในรัฐโคโลราโดเพียงรัฐเดียว มีผู้เยี่ยมชมรีสอร์ทในเขตเทือกเขาร็อกกี้มากถึง14 ล้านคนในฤดูสกีปี 2023-2024 ผู้คนนับล้านในอเมริกาและทั่วโลกมักไปที่ สกีรีสอร์ท ในสหรัฐเพื่อสัมผัสหิมะสดพร้อมชมทิวทัศน์ที่สวยงามตระการตา แต่ผลกระทบในระยะยาวจากภาวะโลกร้อน ซึ่งส่งผลกระทบต่อปริมาณหิมะ ทำให้ฤดูสกีในฤดูหนาวสั้นลง

ตั้งแต่ปี 2000 ถึง 2019 ฤดูเล่นสกีเฉลี่ยในสหรัฐฯสั้นลง 5-7 วันและคาดว่าจำนวนวันจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าหรืออาจถึงสามเท่าภายในปี 2050 การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบในระยะยาวของภาวะโลกร้อนต่ออุตสาหกรรม เนื่องจากรีสอร์ทเล่นสกีในสหรัฐฯ สูญเสียรายได้จากการเปิดทำการล่าช้า ปิดทำการเร็ว และหิมะที่ผลิตจากเครื่องจักร

ความกังวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ปริมาณหิมะที่ตกอย่างสม่ำเสมอเป็นปัจจัยสำคัญในการรองรับแขกในท้องถิ่น ในประเทศ และต่างประเทศให้มาเล่นสกีที่รีสอร์ทในแถบมิดเวสต์และภาคตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐ ในช่วงทศวรรษปี 1970 สัญญาณเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศเริ่มปรากฏขึ้นและท้าทายวิธีการของรีสอร์ทที่มีอยู่ซึ่งมีหิมะตกจำกัด

Vail Resorts ซึ่งเป็นกลุ่มพื้นที่เล่นสกีที่ได้รับความนิยมในอเมริกาเหนือ ได้แก่ Vail, Breckenridge, Keystone, Beaver Creek และ Crested Butte รายงานว่าจำนวนผู้มาเยือนลดลง 8% ตลอดฤดูสกีปี 2023-2024 ซึ่งเป็นผลมาจากปริมาณหิมะที่ ลดลง 28% ทุกปี

ปี 2024 เป็นปีที่มีอากาศร้อนที่สุดเท่าที่มีการบันทึกไว้ซึ่งอธิบายความจำเป็นเร่งด่วนในการใช้เครื่องจักรผลิตหิมะเพื่อให้ฤดูสกีดำเนินต่อไปตามกำหนดการปกติ เครื่องจักรที่เคยผลิตหิมะได้เพียง 41% ของพื้นที่เล่นสกีในแถบมิดเวสต์และนอร์ทอีสต์ ปัจจุบันช่วยผลิตหิมะได้ 89% ของพื้นที่เล่นสกีทั่วประเทศ

รายได้จากการท่องเที่ยวสกีลดลง

อุตสาหกรรมสกีของสหรัฐฯสูญเสียรายได้รวมกัน 5 พันล้านดอลลาร์ระหว่างปี 2000-2019 จากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และอาจสูญเสียรายได้อีก 1 พันล้านดอลลาร์ต่อปี ขึ้นอยู่กับความพยายามในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลก

ความท้าทายที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศก่อให้เกิดภัยคุกคามที่น่ากลัวต่ออุตสาหกรรมสกีของสหรัฐฯโดยไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีพทางเศรษฐกิจของผู้ที่เกี่ยวข้องเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อประเพณีและโอกาสพักผ่อนหย่อนใจที่กำหนดรูปแบบกีฬาฤดูหนาวในอเมริกามาหลายชั่วอายุคนอีกด้วย