"ไทยออยล์" แจงประเด็นเพิ่มงบกว่า 63,028 ล้านบาทวันนี้ เดินหน้าโครงการ CFP

23 ธ.ค. 2567 | 07:19 น.

"ไทยออยล์" แจงประเด็นเพิ่มงบกว่า 63,028 ล้านบาทวันนี้ เดินหน้าโครงการ CFP หลังที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ นัดพิเศษคมีมติเห็นชอบ เพื่อการก่อสร้าง การจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์ส่วนที่เหลือ และค่าใช้จ่ายอื่น

โครงการพลังงานสะอาด (Clean Fuel Project : CFP) ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2561 จึงถือเป็นโครงการสำคัญที่ช่วยสนับสนุนความมั่นคงทางพลังงานของประเทศ ในช่วงการเปลี่ยนผ่านการใช้พลังงานรูปแบบเดิมไปสู่รูปแบบใหม่ และเสริมความสามารถในการแข่งขันระยะยาว ด้วยมูลค่าการลงทุนประมาณ 4,825 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อขยายกำลังการผลิตจาก 275,000 บาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้นเป็น 400,000 บาร์เรลต่อวัน โดยเปลี่ยนนํ้ามันเตาให้เป็นนํ้ามันอากาศยาน และนํ้ามันดีเซลที่มูลค่าสูงกว่า เพื่อสภาพแวดล้อมและคุณภาพชีวิตที่ดี

ขณะที่ไทยออยล์ได้กำหนดเป้าหมายลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 15 % ในปี 2578 จากปีฐาน 2569 (Interim Target) ก้าวไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2593 และมุ่งไปสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Greenhouse Gas Emission) ภายในปี 2603

ปัจจุบันการก่อสร้างโครงการ CFP มีความคืบหน้าไปแล้วกว่า 90% โดยได้เริ่มมทดสอบเดินเครื่องจักรของหน่วยกำจัดสารกำมะถันในนํ้ามันดีเซลหน่วยใหม่ ตั้งแต่ไตรมาสแรกของปีนี้เป็นต้นมา ซึ่งเร็วกว่าแผนงาน เพื่อรองรับการผลิตนํ้ามันดีเซลมาตรฐาน Euro 5

จากการแพร่ระบาดใหญ่ของ โควิด-19 ในช่วงปี 2563-2565 ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานโครงการต่าง ๆ ทั่วโลก ทั้งในภาคการผลิตอุปกรณ์ เครื่องจักร การขนส่ง และการก่อสร้าง ทำให้โครงการเกิดความล่าช้า ส่งผลให้การลงทุนของโครงการ CFP เพิ่มขึ้นจากเดิมประมาณ 550 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากเดิมที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2566

ประกอบกับผู้รับเหมาหลัก ได้แก่ The Consortium of PSS Netherlands B.V. (Offshore Contractor) และ Unincorporated Joint Venture of Samsung E&A (Thailand) Co., Ltd. (เดิมชื่อ Samsung Engineering (Thailand) Co., Ltd.), Petrofac South East Asia Pte. Ltd. และ Saipem Singapore Pte. Ltd. (Onshore Contractor) (เรียกรวมกันว่า “UJV- Samsung, Petrofac และ Saipem”) ไม่ชำระเงินค้างจ่ายให้กับผู้รับเหมาช่วงกว่า 16 ราย ทำให้การก่อสร้างล่าช้าออกไป จากที่ขยายระยะเวลามาแล้ว 2 ปี จากปี 2566

อย่างไรก็ดี นายบัณฑิต ธรรมประจำจิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ TOP ระบุว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ นัดพิเศษครั้งที่ 6/2567 มีมติเห็นชอบเพิ่มงบประมาณในโครงการพลังงานสะอาด (Clean Fuel Project หรือ CFP) ประมาณ 63,028 ล้านบาท  

ทั้งนี้ การเพิ่มเงินลงทุนในโครงการ CFP ดังกล่าว จะนำไปใช้เพื่อการก่อสร้าง การจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์ส่วนที่เหลือ และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ค่าที่ปรึกษาต่างๆ เป็นต้น เพื่อสนับสนุนการดำเนินโครงการ CFP ให้แล้วเสร็จ

และสามารถดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการ โดยคำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้อง และประโยชน์สูงสุดของบริษัทฯ และผู้ถือหุ้น 

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ เตรียมจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2568 ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2568 เพื่อขอมติจากผู้ถือหุ้นในการอนุมัติการเพิ่มงบประมาณในโครงการ CFP ดังกล่าว

เมื่อโครงการสำเร็จจะสามารถตอบโจทย์การเติบโตทางกลยุทธ์ในระยะยาว ทำให้บริษัทฯ เติบโตได้อย่างยั่งยืน โดยเฉพาะเมื่อมีการเปลี่ยนผ่านพลังงาน (Energy Transition) ทำให้ไทยออยล์สามารถแข่งขันได้ และเป็นผู้นำในภูมิภาคซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่ง 

ก่อให้เกิดผลตอบแทนที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้นและบริษัทฯ ในระยะยาว หากโครงการเดินหน้าต่อจะทำให้ซัพพลายเชน รวมถึงบริษัทรับเหมาก่อสร้างและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องมีงานทำมีรายได้มาจับจ่ายใช้สอย ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ระดับหนึ่ง

ล่าสุดวันนี้ (23 ธ.ค. 67) ไทยออยล์เตรียมชี้แจงประเด็นการเพิ่มงบประมาณลงทุนโครงการ CFP โดยมีนายบัณฑิต ธรรมประจำจิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ เป็นผู้ชี้แจงต่อสื่อมวลชนในเวลา 09.30-10.30 น.

โดย "ฐานเศรษฐกิจ" จะนำเสนอรายละเอียดต่อไปหลังจบการชี้แจง