รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ไปกล่าวถ้อยแถลงในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ COP26 ณ เมือง กลาสโกว์ สหราชอาณาจักร เมื่อปี 2564 โดยได้ประกาศเจตนารมณ์ว่า ไทยพร้อมยกระดับการแก้ไขปัญหาภูมิอากาศอย่างเต็มที่ เพื่อบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (CarbonNeutrality) ภายในปี 2050 และบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์(Net Zero)ได้ในปี 2065
อย่างไรก็ดี ล่าสุดสหรัฐอเมริกายุค “ทรัมป์ 2.0” ได้ประกาศถอนตัวจากความตกลงปารีสว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Paris Agreement)เป็นครั้งที่ 2 จากสมัยโจ ไบเดน เป็นประธานาธิบดี สหรัฐเป็นหนึ่งในแกนนำหลักร่วมกับสหภาพยุโรป(อียู)ในการลดโลกร้อน อย่างไรก็ตามเรื่องดังกล่าวไม่มีผลกระทบต่อภาคธุรกิจของไทยที่ยังคงเดินหน้าขับเคลื่อนสู่ Net Zero หรือ Go Green อย่างต่อเนื่อง
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า แม้สหรัฐอเมริกาจะถอนตัวจากความตกลงปารีสแล้ว ภาคอุตสาหกรรมการผลิต และภาคธุรกิจของไทยยังต้องขับเคลื่อนเป้าหมาย Net Zero เพื่อมุ่งสู่โกกรีนต่อไป เพราะเป็นเรื่องที่มีความจำเป็นและเป็นทิศทางเพื่อความอยู่รอดของธุรกิจ ลดการถูกกีดกันการค้า และจะเป็นแต้มต่อสำคัญที่จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในอนาคตให้กับประเทศไทย
“ประธานาธิบดี ทรัมป์ สนับสนุนการขุดเจาะสำรวจ และใช้นํ้ามันจากฟอสซิล ที่อ้างว่าสหรัฐมีแหล่งนํ้ามันสำรองมากที่สุดในโลก และมากกว่าซาอุดีอาระเบีย การที่เขาขุดเจาะเพื่อเอานํ้ามันขึ้นมาใช้ก็เพื่อให้ได้พลังงานราคาถูก และส่งผลทำให้ผู้ประกอบการ และนักอุตสาหกรรมต่าง ๆ ของสหรัฐ มีแต้มต่อในการแข่งขันได้มากขึ้น เพราะหากค่าพลังงานถูก อุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่ย้ายฐานไปตั้งในอเมริกาก็จะได้เปรียบ และจะเป็นจุดที่เขาสามารถใช้เป็นนโยบายหลักในการดึงเม็ดเงินลงทุนให้ย้ายฐานกลับไปตั้งฐานในอเมริกาเพื่อสร้างงาน สร้างเศรษฐกิจ และสร้างความมั่นคง”
อย่างไรก็ดีการหันหัวออกจากเทรนด์ของโลกของสหรัฐในครั้งนี้ จากในหลายปีที่ผ่านมา ทั่วโลกกำลังมุ่งไปสู่ Go Green ลดการใช้พลังงานฟอสซิลไปสู่พลังงานสะอาด หรือพลังงานหมุนเวียนแทน การที่สหรัฐถอนตัวออกไป แต่ทั่วโลกยังมองว่ามีความจำเป็นในเรื่องการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่นับวันจะทวีความรุนแรงมากขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ถ้าปล่อยเป็นอย่างนี้โลกคงเสียหาย ประชาชนก็จะแย่
ดังนั้นทั่วโลกซึ่งรวมถึงไทยยังมองว่า การออกจากความตกลงปารีสจะเป็นช่วงระยะเวลาเพียง 4 ปีของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของโดนัลด์ ทรัมป์ หากสิ้นสุดระยะเวลาของการดำรงตำแหน่งและได้ประธานาธิบดีคนใหม่ในสมัยหน้าแล้ว สหรัฐคงกลับเข้าร่วมอย่างแน่นอน
“นโยบายของสภาอุตสาหกรรมฯ ยังไม่เปลี่ยนแปลง ยังมุ่งสู่ Go Green สนับสนุนสมาชิกปรับเปลี่ยนเครื่องจักรเพื่อให้ประหยัดพลังงาน การใช้พลังงานสะอาด การกักเก็บพลังงาน การใช้โซลาร์เซลล์ และอื่น ๆ ซึ่งช่วงแรก ๆ ต้นทุนอาจจะสูง แต่พอมีการใช้กันมาก ๆ ต้นทุนหรือราคาก็จะถูกลง เหมือนเมื่อก่อนรถอีวีราคาแพง แต่ปัจจุบันมีการใช้กันมากขึ้นราคาก็ถูกลง”
นายอภิชิต ประสพรัตน์ รองประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า ปัจจุบันสภาอุตสาหกรรมฯที่มีสมาชิก 47 กลุ่ม มีโครงการที่จะขับเคลื่อนสู่ Net Zero มากกว่า 15 โครงการ ที่ทำหนักสุดในเวลานี้คือ การรณรงค์ให้ความรู้ในการคำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ แพลตฟอร์มการซื้อขายคาร์บอนเครดิต การปรับเปลี่ยนเครื่องจักรลดการปล่อยคาร์บอน และที่สำคัญคือการปรับ Mindset (แนวคิด) ผู้ประกอบการ โดยให้มองเป็นโอกาสในการที่จะขายสินค้าที่เป็นกรีน(สินค้ารักษ์โลก) ได้มากขึ้นในอนาคต
ข่าวที่เกี่ยวข้อง