"ปตท." ดันเทคโนโลยี "CCS-ไฮโดรเจน" ปั้นธุรกิจโตยั่งยืน

07 ต.ค. 2567 | 16:55 น.
อัปเดตล่าสุด :07 ต.ค. 2567 | 16:55 น.

"ปตท." ดันเทคโนโลยี "CCS-ไฮโดรเจน" ปั้นธุรกิจโตยั่งยืน ชี้การเปลี่ยนผ่านพลังงานให้ไปสู่พลังงานสะอาดมากขึ้น จะต้องเชื่อมโยงให้มีความสมดุลทั้งสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม

นายคงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยในงานสัมมนา “ASEAN Economic Outlook 2025: The Rise of ASEAN, A Renewing Opportunity” ในหัวข้อ ASEAN Energy ransition Towards Sustainability จัดโดยกรุงเทพธุรกิจ ว่า การเปลี่ยนผ่านพลังงานให้ไปสู่พลังงานสะอาดมากขึ้น จะเชื่อมโยงกับความยั่งยืนอย่างไรให้มีความสมดุลทั้งสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม

ทั้งนี้ เป็นที่รู้กันดีว่าภูมิภาคอาเซียนมีจำนวนประชากรมากเกือบ 700 ล้านคน โดยถือเป็นเขตเศรษฐกิจที่สำคัญ มีวัยทำงานมากขึ้น มีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือจีดีพี (GDP) สูงถึง 6% ของโลก 

รวมถึงมีการดึงดูดการลงทุนที่ดี ผ่านการขับเคลื่อนในหลายปัจจัย โดยเฉพาะปัจจัยเรื่องของพลังงานที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ว่าโลกต้องไปสู่พลังงานสะอาดที่การเปลี่ยนแปลงต้องราบรื่น
 

อย่างไรก็ดี ปัจจุบันพลังงานหมุนเวียนยังมีข้อจำกัด ทั้งน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ และถ่านหิน โดยถ่านหินและน้ำมันเริ่มมีการใช้ลดลง เนื่องจากมีการปล่อยคาร์บอนสูงกว่าก๊าซธรรมชาติ เพราะฉะนั้น ก๊าซฯ จึงยังคงเป็นพลังงานที่สำคัญและยังต้องใช้ต่อเนื่อง 

"ปตท." ดันเทคโนโลยี "CCS-ไฮโดรเจน" ปั้นธุรกิจโตยั่งยืน

นอกจากนี้ ในบริบทสำคัญของอาเซียน ก๊าซฯ ยังถือเป็นแหล่งเชื้อเพลิงที่สำคัญของทั้งไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย และเมียนมา 

นายคงกระพัน กล่าวอีกว่า รัฐบาลได้พยายามผลักดันเจรจาการนำทรัพยากรจากพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล หรือ OCA (Overlapping Claims Area) ซึ่งก่อนหน้านี้ได้เจรจาและใช้มาแล้วกับมาเลเซีย ซึ่งแม้จะตกลงเรื่องเขตแดนไม่ได้ก็ใช้การร่วมใช้ทรัพยากรที่มีค่า มาสร้างพัฒนาเศรษฐกิจความเจริญประเทศได้
 

อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าจากการนำก๊าซฯ มาผลิตไฟฟ้ามีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงอยู่ จึงต้องทำเรื่องลดการปลดปล่อยคาร์บอนด้วย โดยกลุ่มปตท. จะดำเนินควบคู่ 2 วิธี ได้แก่ การพัฒนาโครงการ Carbon Capture and Storage (CCS) โดย CCS เป็นการนำก๊าซฯ ในอากาศมาเก็บไว้ใต้ดินหรือใต้ทะเล เพื่อลดโลกร้อน ซึ่งไม่ใช่เรื่องใหม่ ทั้งสหรัฐอเมาริกา ยุโรป และเอเชียทำมานานแล้ว ดังนั้นไทยจะมุ่งไปสู่เป้าหมาย Net Zero ก็ต้องมีการนำเทคโนโลยี CCS มาช่วย

และการใช้เชื้อเพลิงไฮโดรเจนในส่วนผสมในกลุ่มอุตสาหกรรมตามแผนพลังงานชาติ (PDP) ของประเทศที่สัดส่วน 5% รวมถึงการปลูกป่า เป็นต้น

นายคงกระพัน กล่าวด้วยว่า จากการเติบโตของ ปตท. ต้องสร้างความมั่นคงพลังงาน สร้างการเติบโต ควบคู่กับการลดก๊าซเรือนกระจก โดยตั้งเป้าหมาย Net Zero ปี 2593 ซึ่งจะมาจากการใช้ C3 ประกอบด้วย 

  • Climate Resilience Business โดยปรับ Portfolio ลดการปล่อยคาร์บอน
  • Carbon-Conscious Asset อาทิ การปรับปรุงประสิทธิภาพในกระบวนการผลิต ใช้พลังงานสะอาด อาทิ Hydrogen 
  • Coalition, Co-Creation, and Collective Efforts for All โดยประสานความร่วมมือกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เพิ่มการดูดซับคาร์บอนโดยการปลูกป่า เป็นต้น