ผอ.กองทุนน้ำมันฯยันมีเงิน 1.2 พันล.จ่ายหนี้สถาบันการเงินก้อนแรกเดือน พ.ย.

03 ส.ค. 2567 | 08:19 น.

ผอ.กองทุนน้ำมันฯยันมีเงิน 1.2 พันล.จ่ายหนี้สถาบันการเงินก้อนแรกเดือน พ.ย. เผยล่าสุดยังชดเชยน้ำมันดีเซลอยู่ 40 สตางค์ต่อลิตร คิดเป็นรายจ่ายประมาณวันละ 26.73 ล้านบาท เพื่อตรึงราคาขายปลีกไม่ให้เกิน 33 บาท 3 เดือน

นายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เปิดเผยว่าต้นเดือนพ.ย.2567 นี้ กองทุนน้ำมันฯจะถึงกำหนดเวลาทยอยจ่ายคืนเงินต้นให้สถาบันการเงิน ที่กองทุนกู้เพื่อนำมารักษาเสถียรภาพราคาเชื้อเพลิงในประเทศก้อนแรกกว่า 1,000 ล้านบาท และดอกเบี้ยประมาณ 150-200 ล้านบาท 

จากวงเงินกู้รวมทั้งสิ้น 105,333 ล้านบาท ภายใต้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ผ่อนผันให้กระทรวงการคลังค้ำประกันการชำระหนี้ของ สกนช. พ.ศ.2565 ซึ่งเมื่อหักลบรายรับกับรายจ่ายแต่ละเดือนแล้ว ยืนยันว่ากองทุนยังมีเงินเพียงพอสำหรับชำระคืนหนี้เงินต้นก้อนแรกตามกำหนดแน่นอน
 

โดยปัจจุบันกองทุนยังชดเชยน้ำมันดีเซลอยู่ 40 สตางค์ต่อลิตร คิดเป็นรายจ่ายประมาณวันละ 26.73 ล้านบาท หรือเดือนละประมาณ 829 ล้านบาท เพื่อตรึงราคาขายปลีกดีเซลไม่ให้เกิน 33 บาทต่อลิตร ออกไปอีก 3 เดือน ถึงสิ้นเดือนต.ค.2567 

ผอ.กองทุนน้ำมันฯยันมีเงิน 1.2 พันล.จ่ายหนี้สถาบันการเงินก้อนแรกเดือน พ.ย.

แต่อัตราการชดเชยต้องไม่เกิน 2 บาทต่อลิตร ตามมติคณะรัฐมนตรี(ครม.) ขณะที่มีรายรับมีรายรับประมาณวันละ 88.15 ล้านบาท หรือเดือนละประมาณ 2,733 ล้านบาท คิดเป็นเงินคงเหลือเดือนละประมาณ 1,900 ล้านบาท

อย่างไรก็ดี แม้ผลจากการการชดเชยราคาน้ำมันที่ผ่านมาทำให้ฐานะกองทุนล่าสุดวันที่ 28 ก.ค.2567 ติดลบ 111,663 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 64,066 ล้านบาท บัญชีก๊าซหุงต้มติดลบ 47,597 ล้านบาท แต่กระแสเงินที่ไหลเข้าออกยังเพียงพอที่จะชำระหนี้เงินต้นคืนสถาบันการเงินได้ตามกำหนดต้นเดือนพ.ย.นี้ ภายใต้ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกที่เคลื่อนไหวอยู่ในระดับไม่เกิน 100 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล หรือราคาน้ำมันสำเร็จรูปน้ำมันดีเซล ตลาดสิงคโปร์อยู่ในระดับปัจจุบันประมาณ 80 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล
 

อย่างไรก็ตาม หากสิ้นสุดกำหนดมาตรการตรึงราคาน้ำมันดีเซล วันที่ 31 ต.ค.2567 แล้ว ต้องติดตามสถานการณ์ราคาเชื้อเพลิงตลาดโลกช่วงปลายปีที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นขึ้นตามฤดูกาลที่เข้าสู่ฤดูหนาวในต่างประเทศ ทำให้มีความต้องการเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น ประกอบกับปัญหาเรื่องภูมิรัฐศาสตร์ และสงครามการค้าระว่างจีน-สหรัฐ ระลอกใหม่ ที่จะมีต่อราคาน้ำมัน จะมีผลต่อการพิจารณามาตรการดูแลราคาเชื้อเพลิงในประเทศ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนค่าครองชีพของประชาชนอย่างไร ซึ่งขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาล

แม้ส่วนตัวจะหมดวาระผู้อำนวยการกองทุน เร็วๆ นี้ ก็คงต้องให้เจ้าหน้าที่และผู้อำนวยการกองทุนคนต่อไป รับช่วงการทำหน้าที่เร่งฟื้นฟูสภาพคล่องของกองทุนให้กระเตื้องขึ้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ค้าน้ำมัน ตลอดจนสถาบันการเงินที่เป็นเจ้าหนี้ต่อไป