เปิดแนวคิดกูรูพลังงาน "ค่าไฟฟ้าที่เป็นธรรม ต้องทำอย่างไร"

26 เม.ย. 2567 | 06:19 น.

เปิดแนวคิดกูรูพลังงาน "ค่าไฟฟ้าที่เป็นธรรม ต้องทำอย่างไร" กกพ.ชี้ต้องคำนึงถึงอัตราค่าบริการและความเสี่ยง ความมั่นคงและคุณภาพ และนโยบายไฟฟ้าและก๊าซธรรมชาติ ด้านกฟผ. ระบุต้องเคลียร์ต้นทุนภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดออกมาให้ชัดเจน

นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการ สำนักงานนคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยในการเสวนาหัวข้อ “ค่าไฟฟ้าที่เป็นธรรม ต้องทำอย่างไร” ซึ่งจัดโดยหลักสูตรด้านวิทยาการพลังงานสำหรับนักบริหารรุ่นใหม่ รุ่นที่ 2 (วพม.2) ร่วมกับสมาคมการจัดการของเสียอย่างยั่งยืน ว่า ความเป็นธรรมประกอบด้วย 3 ส่วนที่ต้องคำนึงถึง ได้แก่ 1.อัตราค่าบริการและความเสี่ยง 2.ความมั่นคงและคุณภาพ และ3.นโยบายไฟฟ้าและก๊าซธรรมชาติ 

ซึ่งค่าไฟฟ้าจะถูกหรือแพงอยู่ภายใต้นโยบายและแผน เพราะโรงไฟฟ้าและโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องต้องใช้การวางแผนล่วงหน้า ไม่สามารถมาปรับได้ภายในเวลา 1-2 วัน ต้องยอมรับว่าค่าเชื้อเพลิงเป็นต้นทุนหลักของการผลิตไฟฟ้า โดยเฉพาะ LNG นำเข้าที่มีความสำคัญกับการผลิตไฟฟ้าของประเทศ ซึ่งไม่เฉพาะราคาที่เหมาะสมเท่านั้นที่ต้องคำนึงถึงมีเรื่องคุณภาพเข้ามาประกอบการพิจารณาด้วย

นอกจากนี้ยังต้องมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่างๆมารองรับ เช่น สถานีกักเก็บและแปรสภาพก๊าซธรรมชาติ (LNG Terminal) กกพ.ในฐานะกำกับดูแลเราดูอัตราผลตอบแทนอย่างเหมาะสมในทุกๆจุด
 

ทั้งนี้ องค์ประกอบของโรงไฟฟ้ายังไม่ได้มีเฉพาะโรงไฟฟ้าที่พร้อมเดินเครื่องเท่านั้น แต่ยังมีโรงไฟฟ้ารองรับกรณีฉุกเฉินด้วย เช่น โรงไฟฟ้าบางปะกง ราชบุรี และกระบี่ เป็นต้น จะเห็นได้ว่าระบบการผลิตไฟฟ้าของประเทศมีหลายปัจจัยเข้ามาเกี่ยวข้อง และระบบของเราก็เป็นไฟฟ้าราคาเดียวกันทั้งประเทศที่ต้องมีการเกลี่ยต้นทุนกันของ 3 การไฟฟ้า

เปิดแนวคิดกูรูพลังงาน "ค่าไฟฟ้าที่เป็นธรรม ต้องทำอย่างไร"

สำหรับระบบไฟฟ้าของแต่ละประเทศต่างมีแนวนโยบายที่จะดูแลคนกลุ่มไหนแตกต่างกัน ยกตัวอย่างเวียดนามมีการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนสัดส่วนสูง แต่ก็มีไฟฟ้าตกดับบ่อย มีการอุดหนุนค่าไฟให้กับกิจการขนาดใหญ่ แต่ก็ปล่อยราคาสะท้อนต้นทุนกับกิจการขนาดกลาง เป็นต้น ส่วนสิงคโปร์ และฟิลิปปินส์ มีทรัพยากรไม่มากนัก ก็ใช้ระบบเปิดเสรีราคาเป็นไปตามกลไกตลาด เป็นต้น

นายวฤต รัตนชื่น ผู้ช่วยผู้ว่าการ วิจัย นวัตกรรม และพัฒนาธุรกิจ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ระบุว่า การผลิตไฟฟ้ามี กกพ. ตรวจสอบและกำกับดูแลในทุกขั้นตอน ทั้งก่อนเดินเครื่อง ระหว่างเดินเครื่อง และหลังเดินเครื่องแล้วทุกขั้นตอนกฟผ.ต้องรายงานต่อกกพ.รวมถึงศูนย์ควบคุมระบบส่งและจำหน่าย รวมถึงมีการแยกแยะบัญชีโรงไฟฟ้าตามใบอนุญาตที่กกพ.ออกให้  

ด้านแนวทางที่จะทำให้ค่าไฟฟ้าเป็นธรรมกับทุกภาคส่วนนั้น เบื้องต้นต้องเคลียร์ต้นทุนของแต่ละภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดออกมาให้ชัดเจน เพื่อพิจารณาการอุดหนุน และเงื่อนไขที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้ภาระไปตกอยู่กับคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง โดยเฉพาะภาคประชาชน 
 

อย่างไรก็ตาม บริบทของสังคมเปลี่ยนไป โดยมีข้อเสนอว่าอัตราค่าไฟฟ้าที่คิดตามช่วงเวลาการใช้งานของผู้ใช้ไฟฟ้า (Time of Use Tariff :TOU) เพื่อกระจายช่วงเวลาการใช้ไฟฟ้า ซึ่งเป็นมาตรการที่ทำกันมานานนับสิบปี ก็ควรจะปรับเปลี่ยนด้วยเพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าก็เปลี่ยนไป

นายวุฒิกร สติฐิต ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นต้นและก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในส่วนของก๊าซธรรมชาติที่เป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้านั้น ปัจจุบันต้องนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) มาใช้มากขึ้น แต่ก็ถือว่าราคา LNG ค่อนข้างมีเสถียรภาพยกเว้นในช่วงเกิดสงครามรัสเซียยูเครนที่ทำให้ราคากระโดดขึ้นไปมาก ปัจจุบันอยู่ที่ 10 ดอลลาร์ต่อล้านบีทียู ซึ่งจำเป็นต้องพึ่งพาก๊าซฯในระหว่างการเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาด โดยปตท.มีสถานะเป็นผู้นำเข้ารายหนึ่งที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกกพ. ยังมีผู้นำเข้าอีกหลายราย

เปิดแนวคิดกูรูพลังงาน "ค่าไฟฟ้าที่เป็นธรรม ต้องทำอย่างไร"

อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าการผลิตไฟฟ้ามีการลงทุนสูง ขณะเดียวกันยังต้องคำนึงถึงคุณภาพของไฟฟ้าด้วย ซึ่งไทยมีการพัฒนาระบบไฟฟ้ามาไกล จนไม่สามารถยอมรับให้มีไฟฟ้าตกดับได้ แต่การผลิตไฟฟ้านับวันก็มีความท้าทายมากขึ้นตามลำดับ เพราะโลกเข้าสู่ยุคดิจิทัล และAI ที่จะทำให้ความต้องการใช้ไฟฟ้าโตอีกเป็นเท่าตัว  

"หัวใจสำคัญคือการผสมผสานที่สมดุลระหว่างการเปิดให้มีการแข่งขันเสรีกับระบบการกำกับดูแล ซึ่งทั้งหมดขับเคลื่อนด้วยนโยบายที่ต้องพิจารณาในเรื่องราคาที่ต้องสะท้อนต้นทุนเพื่อไม่ให้เกิดภาระกับประเทศในระยะยาว รวมถึงการเตรียมโครงสร้างพื้นฐานรองรับพลังงานหมุนเวียนที่จะเข้ามามากขึ้น ที่สำคัญคือการสื่อสารกับประชาชน"

ดร.ชนะ ภูมิ นายกสมาคมอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทย กล่าวว่า ไฟฟ้าเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ และเป็นต้นทุนที่สำคัญของผู้ประกอบการ และไฟฟ้าตกดับเพียง 1 นาทีกระทบเป็นเงินถึง 5 แสนบาทต่อครั้ง ปัจจุบันโรงงานปูนซิเมนต์ที่สระบุรีจึงนำเทคโนโลยีผลิตพลังงานใช้เองมาใช้มากขึ้น และมีการแลกเปลี่ยนพลังงานระหว่างกันในพื้นที่ใกล้เคียง ทำให้ต้นทุนค่าซื้อไฟฟ้าของเราลดลง เหลือซื้อจากระบบของการไฟฟ้า 12,000-13,000 ล้านบาท จาก 20,000 ล้านบาทที่เหลือ 40% ผลิตใช้เอง ซึ่งพร้อมเป็นโมเดลให้ทุกภาคส่วนได้แลกเปลี่ยนองค์ความรู้  

อย่างไรก็ดี เสนอว่าเมื่อสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป มีการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามา ดังนั้นนโยบายต้องปรับให้ทัน ยกตัวอย่างค่าไฟฟ้าผันแปร (FT) ที่ปรับทุก 4 เดือนเห็นควรให้ยกเลิก และหันมาสนับสนุนการกักเก็บพลังงาน (Energy Storage) ให้เหมาะสมกับพื้นที่ เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการปรับเปลี่ยนโหลดของผู้ใช้ รวมถึงสร้างทางเลือกการซื้อขายไฟฟ้าได้หลายแหล่งและหลากหลาย

นายนที สิทธิประศาสน์ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ผู้ผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเป็นจำเลยสังคมาโดยตลอด เพราะการสนับสนุนในช่วงแรกจากระบบการให้ส่วนเพิ่มค่าไฟฟ้าทำให้ต้นทุนของระบบสูง แต่หากรัฐไม่อุดหนุน การพัฒนาพลังงานหมุนเวียนของไทยก็ไม่สามารถเดินหน้ามาได้จนถึงทุกวันนี้ 

สิ่งที่ต้องการเสนอเพื่อทำให้ต้นทุนค่าไฟฟ้าของระบบลดลง คือ การกันงบประมาณแยกต่างหากสำหรับสวัสดิการที่ให้กับประชาชน เช่น ไฟฟ้าสาธารณะ เงินอุดหนุนการลงทุนโรงไฟฟ้า 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นต้น