นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังสภาผู้บริโภคและเครือข่ายขับเคลื่อนค่าไฟฟ้าที่เป็นธรรมเข้าพบ ว่า การลดราคาน้ำมันเบนซินนั้น จะไม่ได้ลดทุกประเภท แต่จะลดในส่วนเบนซิน แก๊สโซฮอล์91 ให้ได้ 2.50 บาท และจะให้เสร็จก่อนปีใหม่ เพื่อเป็นของขวัญให้กับประชาชน แต่ต้องคำนึงปัจจัยหลายอย่าง เช่น ค่าการตลาด เป็นต้น
ทั้งนี้ จากการหารือดังกล่าว ถือว่าเป็นการได้รับข้อมูลซึ่งกันและกัน และตรงกับข้อมูลของตนที่มีอยู่ จึงได้มีการแจ้งว่าได้ดำเนินการเรื่องใดแล้วบ้าง อย่างไรก็ดี ไม่ต้องการให้ระบุว่าเป็นการยกเลิกค่าการกลั่นหน้าโรงงาน แต่จำเป็นต้องมีการศึกษาโครงสร้างราคาน้ำมันใหม่ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ข้อเท็จจริงที่มีอยู่ว่า
โครงสร้างดังกล่าวนี้ถูกต้องหรือไม่ หากถูกต้องและเหมาะสมก็ไม่ควรปรับเปลี่ยน จึงต้องดูในภาพรวมไม่ใช่ดูแค่ค่าการกลั่น ค่าการตลาด ซึ่งต้องดูในภาพรวมทั้งหมด เนื่องจากต้องประกอบด้วยหลายส่วน ดังนั้นต้องดูทุกภาคส่วนเข้าด้วยกัน
"ขอยืนยันว่ายังไม่ได้ยกเลิกการคิดราคาค่าการกลั่น ต้องไปศึกษาว่า สิ่งไหนทำได้ สิ่งไหนทำไม่ได้ ตนบอกเสมอว่า เรื่องพลังงานไม่ใช่เรื่องธุรกิจ แต่เป็นเรื่องความมั่นคงของประเทศ เป็นความมั่นคงทางเศรษฐกิจ และการดำรงชีวิตของบุคคล แต่ก็ไม่สามารถห้ามนักลงทุนหรือผู้ประกอบการมาค้าขายได้"
อย่างไรก็ดี ตนมีหน้าที่ทำเรื่องดังกล่าวนี้ให้เหมาะสม ไม่ใช่ให้ผู้ประกอบการได้กำไรมหาศาลแล้วประชาชนอยู่ไม่ได้ ขณะที่ประชาชนต้องชำระค่าใช้จ่ายพลังงานในราคาที่เหมาะสมและเป็นธรรม ซึ่งปัญหาดังกล่าวนี้หมักหมมมานาน โดยเฉพาะโครงสร้าง กติกา กฏหมาย ที่ใช้มาอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 30 ปี
"วันนี้ถึงเวลาต้องศึกษา ปรับปรุง แก้ไข ซึ่งทำให้ตนเองตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 1 ชุด เพื่อแก้ไขกฏหมาย ระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับกฏหมายพลังงานทั้งหมด"
นายพีระพันธุ์ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา ตนเองให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือกับโรงกลั่นแล้ว และขอข้อมูลมาโดยตลอด ส่วนจะดำเนินการอย่างไร ขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัท เพราะตอนนี้กฏหมายยังเข้าไม่ถึง ซึ่งเรื่องนี้เป็นเหตุผลหนึ่งต้องแก้ไขกฏหมาย แม้จะเป็นการค้าเสรีแต่ต้องอยู่ภายใต้กฏและกติกา และรัฐสามารถควบคุมได้เหมือนกับประเทศอื่นๆ ดังนั้น ต้องแก้กฏหมาย เพื่อให้เกิดการกำกับ ควบคุม ดูแลให้เกิดความเหมาะสม
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการแก้ไขกฏหมายจะไม่ล่าช้า แต่ต้องได้คำตอบว่า ต้องแก้จุดไหน เพราะผู้ที่ร่างกฏหมายคือตน และจะร่างเองทุกฉบับ และอาจไม่เสร็จสิ้นทันช่วงปีใหม่นี้ เพราะกฏหมายมีหลายฉบับ จึงได้มีการตั้งคณะกรรมการชุดหนึ่ง เพื่อรวบรวมแก้ไขปัญหาทั้งหมด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง