กรอ.ดัน BCG Model เป็นวาระแห่งชาติ ปักธงอุตสาหกรรมสีเขียวปี2570

08 ส.ค. 2566 | 11:16 น.
อัปเดตล่าสุด :08 ส.ค. 2566 | 11:16 น.

กรอ.ดัน BCG Model เป็นวาระแห่งชาติ ปักธงอุตสาหกรรมสีเขียวปี2570 ชี้ประเทศไทยยังขาดแรงงานเหตุจากเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย พร้อมเร่งนำเทคโนโลยีมาช่วยแก้ปัญหาโดยเฉพาะระบบความปลอดภัย

นายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) เปิดเผยว่า เป้าหมายของ กรอ. คือ การขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจ BCG Model เป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งเป็นทิศทางการพัฒนาที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) และส่งเสริมให้สถานประกอบการพัฒนาสู่การเป็นอุตสาหกรรมสีเขียว (Green Industry: GI)

โดยเป็นการแสดงถึงความรับผิดชอบต่อสังคมทั้งภายในและภายนอกองค์กรตลอดห่วงโซ่อุปทาน โดยมีเป้าหมายในปี 2570 ทุกสถานประกอบกิจการโรงงานจะต้องได้รับ GI และโรงงาน 50% จะต้องได้รับ GI ระดับ 3 ขึ้นไป ซึ่งความปลอดภัยก็เป็นเงื่อนไขหนึ่งในการขอรับการรับรอง GI ด้วยเช่นกัน

ทั้งนี้ การขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการขยายโอกาสการลงทุนกำลังเติบโตขึ้น โดยเฉพาะภาคการผลิตและอุตสาหกรรม โดยในช่วงปี 2565-2567 รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมการลงทุน ในภาคอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น การผลิตยานยนต์ไฟฟ้า หรือีวี (EV) กลุ่มผลิตภัณฑ์พลาสติกชีวภาพ กลุ่มเคมีภัณฑ์และผลิตภัณฑ์เคมี กลุ่มผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ กลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร รวมถึงการลงทุนในอุตสาหกรรมเพื่อขับเคลื่อน BCG หรือการพัฒนาเศรษฐกิจแบบองค์รวม จะเป็นปัจจัยหนุนสำคัญที่ส่งเสริมให้ภาคอุตสาหกรรมเติบโต
 

ขณะเดียวกัน ประเทศไทยก็เข้าสู่สังคมสูงอายุ ประชากรวัยแรงงานจึงมีจำนวนลดลง ดังนั้น ภาครัฐจึงมีนโยบายที่จะนำเทคโนโลยีด้านไอทีเข้ามาประยุกต์ใช้เพื่อช่วยแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องความปลอดภัยและบำรุงรักษาด้วยนวัตกรรมที่นำไอทีมาใช้ จะสามารถทำให้ตรวจสอบและประเมินได้อย่างละเอียดแม่นยำยิ่งขึ้น หนุนโอกาสการเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งสร้างความเชื่อมั่นจากนักลงทุนและความสามารถทางการแข่งขันได้ 

กรอ.ดัน BCG Model เป็นวาระแห่งชาติ ปักธงอุตสาหกรรมสีเขียวปี2570 ดร.สุพจน์ ชินวีระพันธุ์ กรรมการและผู้อำนวยการสมาคมส่งเสริมเทคโนโลยี (ไทย-ญี่ปุ่น) (สสท.) กล่าวว่า ปัจจุบันสมาคมมีสมาชิกภาคอุตสาหกรรมซึ่งเป็นนิติบุคคลกว่า 8,000 ราย ในจำนวนนี้กว่า 75% เป็นโรงงานอุตสาหกรรมที่มีการร่วมทุนจากบริษัทสัญชาติญี่ปุ่น ซึ่งถือเป็นกำลังสำคัญในการสร้างเศรษฐกิจในประเทศให้เติบโต สสท. จึงต้องสร้างองค์ความรู้พื้นฐานให้กับภาคอุตสาหกรรมในประเทศไทยให้มีมาตรฐานทันต่อความเปลี่ยนแปลงในระดับสากล โดยส่งเสริมและสนับสนุนความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและพัฒนาบุคลากรในด้านอุตสาหกรรม โดยเฉพาะเมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของ โควิด-19 

ซึ่งโรงงานอุตสาหกรรมขาดกำลังคนและทรัพยากรการดำเนินงาน เมื่อสถานการณ์เริ่มดีขึ้น แรงงานที่มีทักษะที่เคยอยู่ภาคบริการ ภาคอุตสาหกรรมก็ไม่ได้กลับมา 100% และวัสดุอุปกรณ์หรือระบบการทำงานบางอย่างที่เป็นที่ต้องการก็ไม่เพียงพอ ดังนั้น ผู้ประกอบการจึงจำเป็นต้องปรับกระบวนการบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพ 

จากปัจจัยที่ส่งเสริมความต้องการของผู้ประกอบการที่ต้องการใช้เทคโนโลยีหรือนวัตกรรมเฉพาะทางเพื่อเสริมกำลังการเติบโตของภาคอุตสาหกรรม ดังนั้น กรมโรงงานอุตสาหกรรมและ สสท. จึงได้เตรียมจัดงาน SISTAM 2023 - Smart Industrial Safety & Technology for Advanced Maintenance หรืองานแสดงสินค้าอุตสาหกรรมความปลอดภัยอัจฉริยะ และเทคโนโลยีเพื่อการบำรุงรักษาชั้นสูง เป็นครั้งแรกในประเทศไทย