นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานกรรมการหอการค้าไทยและประธานคณะกรรมการอาหารแปรรูปและอาหารแห่งอนาคต กล่าวว่า หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ได้ร่วมมือกับมูลนิธิสโกลารส์ ออฟ ซัสทีแนนซ์ หรือ SOS ซึ่งเป็นมูลนิธิพิทักษ์อาหารส่วนเกินแห่งแรกในประเทศไทย ในการจัดทำโครงการร่วมส่งมอบอาหารส่วนเกินที่มีความปลอดภัยจากผู้ประกอบการอาหารสู่ผู้ขาดแคลนอาหารและกลุ่มเปาะบาง ซึ่งหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย
โดยหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ได้วางนโยบาย Connect-Competitive-Sustainable โดยโครงการความร่วมมือดังกล่าว สอดรับกับนโยบายและแนวคิดด้าน Sustainable และ BCG Model ในการบริหารจัดการขยะอาหาร
คือ การควบคุมการผลิตและการกำจัดขยะอาหาร และการสร้างแรงจูงใจให้ธุรกิจเอกชนได้บริหารจัดการขยะอาหารของตนให้ดีขึ้น ด้วยการสร้างแนวทางใหม่ผ่านการบริจาคอาหารส่วนเกินที่มีความปลอดภัยในการบริโภคเพื่อส่งต่อให้กับผู้ขาดแคลนอาหารในประเทศไทย
ซึ่งส่วนใหญ่ยังเป็นผู้เปราะบางในสังคมที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ไปพร้อมกับการเผยแพร่องค์ความรู้ด้านการจัดการอาหารอย่างยั่งยืนให้กับผู้ประกอบการอาหารในภูมิภาคต่างๆ เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการป้องกันการเกิดขยะอาหารตลอดห่วงโซ่อุปทาน
ทั้งนี้คณะกรรมการอาหารแปรรูปและอาหารแห่งอนาคต ได้ร่วมกิจกรรมลงพื้นที่ ณ ชุมชนลำชะล่า เขตบางเขน ซึ่งเป็นชุมชนดั้งเดิม มีชาวบ้านอาศัยกว่า 300 ครัวเรือน ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุและมีรายได้น้อย ประกอบกับสถานการณ์ราคาอาหารที่ปรับตัวสูงขึ้นมาก ส่งผลให้ชาวบ้านไม่มีกำลังเพียงพอที่จะเข้าถึงอาหารที่เหมาะสม เราจึงร่วมใจ ส่งต่ออาหารส่วนเกินที่มีความปลอดภัย สู่มื้ออาหารของผู้ที่ขาดแคลน และจะขยายผลไปยังชุมชนต่างๆ
“ในโอกาสครบรอบ 90 ปี หอการค้าไทย คณะกรรมการฯ ตั้งใจจะส่งมอบอาหารส่วนเกินมีความปลอดภัย สู่มื้ออาหารของผู้ที่ขาดแคลน เป็นจำนวน 900,000 มื้อ ซึ่งหอการค้าไทยและ มูลนิธิสโกลารส์ ออฟ ซัสทีแนนซ์ ได้ร่วมมือส่งมอบอาหารไปยังผู้ที่ขาดแคลนแล้วกว่า 420,000 มื้อ ช่วยลดปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ ได้ถึง 252,355 กิโลกรัม ลดปัญหาขยะอาหาร ส่งเสริม BCG Model และตอบโจทย์ความมั่นคงทางอาหารที่ยั่งยืน”