ข่าวดี!ก๊าซหุงต้มครัวเรือนราคาเดิม 408 บาท/ถัง 15 กก.ถึงสิ้น ม.ค.66

14 ธ.ค. 2565 | 14:14 น.
อัปเดตล่าสุด :14 ธ.ค. 2565 | 21:14 น.

ข่าวดี!ก๊าซหุงต้มครัวเรือนราคาเดิม 408 บาท/ถัง 15 กิโลกรัมถึงสิ้น ม.ค.66 หลัง กบง.มีมติคงราคาขายส่งหน้าโรงกลั่นแอลพีจีที่ 19.9833 บาท/กิโลกรัม

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาแนวทางการทบทวนการกำหนดราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว(แอลพีจี) หรือก๊าซหุงต้มครัวเรือน โดยเห็นชอบการทบทวนการกำหนดราคาแอลพีจีโดยให้คงราคาขายส่งหน้าโรงกลั่นแอลพีจีที่ 19.9833 บาท/กิโลกรัม (กก.)ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 

 

ทั้งนี้  การดำเนินการดังกล่าวมีกรอบเป้าหมายเพื่อให้ราคาขายปลีกแอลพีจีอยู่ที่ประมาณ 408 บาท/ถัง 15 กก. โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1-31 ม.ค.2566 ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบค่าครองชีพของประชาชน  แต่จะทำให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมีภาระเพิ่มขึ้น

 

“ที่ประชุมได้มอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการฯ ประสานคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) เพื่อพิจารณาบริหารจัดการเงินกองทุนให้สอดคล้องกับแนวทางการทบทวนการกำหนดราคาก๊าซแอลพีจีต่อไป”

นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวต่อไปอีกว่า เนื่องจากสถานการณ์ราคาแอลพีจี ตลาดโลกในปัจจุบันยังคงผันผวน โดย ณ วันที่ 29 พ.ย.2565 อยู่ที่ 633.60 เหรียญสหรัฐ/ตัน เทียบได้กับราคาขายปลีกแอลพีจีที่ประมาณ 480 บาท/ถัง 15/กก. ขณะที่ราคาขายปลีกในประเทศอยู่ที่ 408 บาท/ถัง 15 กก. ส่งผลต่อสภาพคล่องของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงบัญชีแอลพีจีติดลบ 1,352 ล้านบาท/เดือน ทำให้ฐานะกองทุนบัญชีแอลพีจีติดลบ 43,883 ล้านบาท เข้าใกล้กรอบวงเงินกองทุนในส่วนของบัญชีแอลพีจีที่ให้ติดลบได้ไม่เกิน 45,000 ล้านบาท

 

อย่างไรก็ดี ที่ประชุมยังมีมติเห็นชอบให้กระทรวงพลังงานขอความอนุเคราะห์ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กำหนดราคาขายปลีกก๊าซธรรมชาติสำหรับรถยนต์(เอ็นจีวี) สำหรับรถยนต์ทั่วไปให้ปรับราคาขายปลีกเอ็นจีวีขึ้น 1 บาท/กก. เป็น 17.59 บาท/กก. จาก 16.59 บาท/กก. 

 

ก๊าซหุงต้มครัวเรือนราคาเดิม 408 บาท/ถัง 15 กก.ถึงสิ้น ม.ค.66

ส่วนรถแท็กซี่ในโครงการเอ็นจีวีเพื่อลมหายใจเดียวกัน ของ ปตท. ให้คงราคาขายปลีกเอ็นจีวีไว้ที่ 13.62 บาท/กก. ตั้งแต่วันที่ 16 ธ.ค.2565-15 มี.ค.2566 คิดเป็นวงเงินช่วยเหลือของ ปตท. ประมาณ 2,682 ล้านบาท แบ่งเป็นรถยนต์ทั่วไป 2,407 ล้านบาท และรถแท็กซี่ 275 ล้านบาท

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีมติเห็นชอบมาตรการบรรเทาผลกระทบด้านน้ำมันเชื้อเพลิงกลุ่มดีเซลหมุนเร็ว เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพของประชาชนและช่วยลดภาระกองทุนลง โดยขอความร่วมมือจากผู้ค้าน้ำมันให้คงค่าการตลาดน้ำมันเชื้อเพลิงกลุ่มดีเซลหมุนเร็วบี7 และดีเซลหมุนเร็ว บี20 ไม่เกิน 1.40 บาท/ลิตร  ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-31 มี.ค.2566 และมอบหมายให้กรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) ออกประกาศ ธพ. เรื่อง กำหนดลักษณะและคุณภาพ ของน้ำมันดีเซล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. 2566 ให้สอดคล้องกับมาตรการบรรเทาผลกระทบ ต่อไป

 

อย่างไรก็ตาม กบง.ยังมีมติเห็นชอบการขยายระยะเวลาการยกเว้นการสำรองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉพาะปริมาณที่จำหน่ายเพื่อใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้าและขายกระแสไฟฟ้าทั้งหมดให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2566 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีการยกเลิกมาตรการการใช้น้ำมันดีเซล น้ำมันเตาทดแทนการใช้ก๊าซธรรมชาติในการผลิตไฟฟ้า ในช่วงสถานการณ์วิกฤตราคาพลังงาน 

 

และมอบหมายให้ ธพ. ออกประกาศ ธพ. ว่าด้วยกำหนดชนิดและอัตรา หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการคำนวณปริมาณสำรองน้ำมันเชื้อเพลิง แจ้งผู้ค้าน้ำมันมาตรา 7 ให้ยื่นขอความเห็นชอบเปลี่ยนแปลงปริมาณการค้าตามขั้นตอนต่อไป 

 

ทั้งยังมอบหมายให้คณะอนุกรรมการบริหารจัดการรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินด้านพลังงาน ติดตามแผนบริหารจัดการพลังงานในสถานการณ์วิกฤตราคาพลังงาน ในช่วงเดือน ม.ค.-เม.ย.2566 และรายงานต่อ กบง. ต่อไป