มูลนิธิโคคา-โคลา ลงนาม MOU 2 มหาวิทยาลัย จัดการปัญหาขยะติดเกาะยั่งยืน

15 ต.ค. 2565 | 11:12 น.
อัปเดตล่าสุด :15 ต.ค. 2565 | 18:26 น.

มูลนิธิโคคา-โคลา ประเทศไทย ลงนาม MOU มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง และ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จัดการขยะ วัสดุรีไซเคิล บนพื้นที่เกาะ อย่างยั่งยืน ระยะที่สอง

นายนันทิวัต ธรรมหทัย กรรมการและเลขานุการ มูลนิธิโคคา-โคลา ประเทศไทย กล่าวว่า มูลนิธิโคคา-โคลา ประเทศไทย องค์กรด้านสาธารณกุศลและความยั่งยืนที่ก่อตั้งโดย บริษัท ไทยน้ำทิพย์ จำกัด บริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท โคคา-โคล่า (ประเทศไทย) จำกัด ได้ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MoU) กับ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง และ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์  เพื่อจัดทำ โครงการจัดการขยะและวัสดุรีไซเคิลบนพื้นที่เกาะอย่างยั่งยืนในระยะที่สอง  ซึ่งเป็นกิจกรรมภายใต้แผนงาน “เก็บ” ไทยให้สวยงาม (Keep Thailand Beautiful) ของทางมูลนิธิฯ โดยในระยะที่หนึ่ง (สิงหาคม 2564  - กรกฎาคม 2565) ที่ผ่านมานั้น เป็นการดำเนินการร่วมกับมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง และครอบคลุมพื้นที่เฉพาะเกาะสีชัง เกาะช้าง และเกาะหมากในภาคตะวันออก

มูลนิธิโคคา-โคลา ลงนาม MOU 2 มหาวิทยาลัย จัดการปัญหาขยะติดเกาะยั่งยืน

ส่วนในระยะที่สอง (สิงหาคม 2565 - กรกฎาคม 2566) นอกจากจะมีการเพิ่มพื้นที่เกาะล้าน เกาะเสม็ด และเกาะกูด ในภาคตะวันออกแล้ว ยังจะมีการขยายความร่วมมือไปยังเกาะลิบง และเกาะหลีเป๊ะ ในภาคใต้ โดยการดำเนินงานของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ อีกด้วย 

ภายใต้ความร่วมมือนี้ มูลนิธิโคคา-โคลา ประเทศไทยได้สนับสนุนเงินทุนในการศึกษาแนวทางการจัดการขยะบนพื้นที่เกาะซึ่งมีความท้าทายจากสภาพภูมิศาสตร์ ทำให้จำเป็นต้องมีการบริหารจัดการด้านการคัดแยกและขนส่งที่แตกต่างจากพื้นที่บนฝั่งทั่วไป โดยเฉพาะมาตรการจูงใจให้เกิดการคัดแยกและนำวัสดุรีไซเคิลกลับเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลบนแผ่นดินใหญ่ หากบริหารจัดการได้ไม่ดีพอ อาจเกิดเหตุปัญหาขยะตกค้างบนเกาะ อันจะเป็นการสูญเสียทรัพยากรที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ตลอดจนเป็นการทำลายทัศนียภาพและสิ่งแวดล้อมอีกด้วย 

มูลนิธิโคคา-โคลา ลงนาม MOU 2 มหาวิทยาลัย จัดการปัญหาขยะติดเกาะยั่งยืน

ด้วยเหตุนี้ มูลนิธิโคคา-โคลาประเทศไทย จึงได้ริเริ่มทำงานร่วมกับทางศูนย์วิจัยระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนเพื่อประเทศไทยปลอดขยะ (CEWT) มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ดำเนินโครงการนำร่องบนเกาะสีชัง เกาะหมาก และ เกาะช้าง ระหว่างเดือนสิงหาคม 2564 ถึง เดือนกรกฎาคม 2565 ที่ผ่านมาโดยเน้นการสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาประสิทธิภาพของระบบจัดเก็บ รวบรวมและขนส่งวัสดุรีไซเคิลบนเกาะดังกล่าว พร้อมทั้งสร้างการมีส่วนร่วมจากชุมชน ผู้ประกอบการท่องเที่ยวและหน่วยงานท้องถิ่น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้การแก้ปัญหาเป็นไปอย่างยั่งยืน 
 

ในโครงการระยะที่หนึ่ง  คณะผู้วิจัยพบว่าค่าใช้จ่ายในการขนส่งวัสดุรีไซเคิลออกจากเกาะเป็นอุปสรรคที่สำคัญต่อการส่งเสริมการคัดแยกวัสดุรีไซเคิลบนเกาะ  เนื่องจาก หากค่าขนส่งอยู่ในระดับที่สูง จะทำให้ผู้รับซื้อวัสดุรีไซเคิลต้องรับซื้อในราคาที่ต่ำเพื่อให้คุ้มต่อค่าขนส่ง และเมื่อราคารับซื้อต่ำจนเกินไป ก็จะทำให้ไม่เกิดแรงจูงใจในการจัดเก็บและคัดแยกวัสดุเหล่านี้มากพอ โดยเฉพาะวัสดุที่มีราคาต่ำแต่มีน้ำหนักมาก เช่น เศษแก้ว อันส่งผลให้วัสดุเหล่านี้ตกค้างเป็นขยะอยู่บนเกาะ แทนที่จะถูกนำกลับเข้ามารีไซเคิลบนฝั่ง ฉะนั้น โครงการจึงศึกษาและทดลองให้เงินสนับสนุนค่าเรือขนส่งให้กับร้านรับซื้อของเก่าบนเกาะ เพื่อจูงใจให้มีการเก็บรวบรวมและขนส่งวัสดุรีไซเคิลออกจากเกาะเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ทางโครงการยังได้จัดฝึกอบรมการแยกขยะให้กับผู้ประกอบการภาคการท่องเที่ยวบนเกาะ ทั้งโรงแรม ร้านอาหาร และรถรับจ้าง เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบและสื่อสารให้นักท่องเที่ยวช่วยกันรักษาความสะอาด ลดและคัดแยกขยะ  ความสำเร็จของการดำเนินโครงการในระยะที่หนึ่ง ทำให้เกิดการต่อยอดไปยังพื้นที่เกาะท่องเที่ยวอื่น ๆ ในภาคตะวันออกและภาคใต้  โดยมุ่งหวังให้เกิดการพัฒนาไปสู่โมเดลการแก้ปัญหาขยะติดเกาะอย่างยั่งยืนต่อไป

 

นายนันทิวัต กล่าวว่า มูลนิธิ โคคา-โคลา ประเทศไทย เล็งเห็นความสำคัญของแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่สวยงาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่เกาะต่าง ๆ ในประเทศไทย อันเป็นความภาคภูมิใจของคนไทย และแหล่งรายได้ที่สำคัญของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว มูลนิธิ โคคา-โคลา จึงขอเป็นส่วนหนึ่งในการอนุรักษ์ความสวยงามเหล่านี้ไว้ ผ่านการดำเนินการตามแผนงาน “เก็บ” ไทยให้สวยงาม (Keep Thailand Beautiful)  ซึ่งเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2561

 

จากการได้เข้ามาดำเนินการอย่างต่อเนื่องในเรื่องนี้ ทำให้ตระหนักถึงความสำคัญในการจัดการกับปัญหาขยะติดเกาะ ในการดำเนินการโครงการฯ ในระยะที่สองร่วมกับมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง และมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มูลนิธิฯ หวังว่า โครงการฯ นี้จะเป็นการจุดประกายให้มีการศึกษา พัฒนา และความร่วมมือในด้านนี้ต่อไปในวงกว้าง เพื่อให้ทุกภาคส่วนร่วมกันเก็บความสวยงามของประเทศไทยให้เป็นความภูมิใจของคนไทยและมรดกทางธรรมชาติที่ประเมินค่ามิได้ให้กับคนรุ่นต่อไปในอนาคต

 

ผศ.ดร.ปเนต มโนมัยวิบูลย์ หัวหน้าศูนย์วิจัย CEWT และหัวหน้าโครงการ กล่าวว่า จากการดำเนินงานที่ผ่านมา พบปัญหาของระบบการรีไซเคิลในพื้นที่ห่างไกล เช่น เกาะต่าง ๆ ว่า การจะนำวัสดุรีไซเคิลเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลทำได้ยาก เนื่องด้วยข้อจำกัดเรื่องค่าขนส่งที่ไม่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคาที่จำหน่ายได้ แต่ด้วยความร่วมมือจากมูลนิธิโคคา-โคลา ประเทศไทย รวมทั้งความร่วมมือจากชุมชน หน่วยงาน และผู้ประกอบการในพื้นที่ ทำให้โครงการการจัดการขยะและวัสดุรีไซเคิลบนพื้นที่เกาะอย่างยั่งยืน ในระยะที่หนึ่งบนเกาะนำร่องทั้ง 3 แห่งประสบความสำเร็จ โดยมีร้านรับซื้อวัสดุรีไซเคิลเข้าร่วมทั้งหมด 13 ราย สามารถขนส่งวัสดุรีไซเคิลในช่วงระยะเวลา 7 เดือนแรกของปี 2565 ออกจากเกาะเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลได้โดยในจำนวนนี้ส่วนใหญ่เป็นเศษแก้วที่ก่อนหน้านี้มีปัญหาในการจัดการบนเกาะ เมื่อระบบการรีไซเคิลมีความสมบูรณ์ขึ้นแล้ว

 

ในระยะที่สอง จะเน้นการทำงานร่วมกับชุมชนและผู้ประกอบการในท้องถิ่น ที่จะช่วยประชาสัมพันธ์ และกระตุ้นเตือนให้นักท่องเที่ยว มีส่วนร่วมในการแยกขยะอย่างถูกต้องเหมาะสมระหว่างที่ใช้เวลาท่องเที่ยวอยู่บนเกาะ พร้อมกับต่อยอดและขยายผลให้ครอบคลุมพื้นที่เกาะมากขึ้น เราเชื่อมั่นว่าโมเดลจัดการขยะบนเกาะของทางโครงการจะสามารถ นำไปประยุกต์กับพื้นที่เกาะอื่น ๆ ได้เพื่อให้เกิดรูปแบบการจัดการขยะติดเกาะที่เหมาะสมกับแต่ละพื้นที่

 

ผศ.ดร.ชนิษฎา ชูสุข อาจารย์ประจำคณะการจัดการสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กล่าวว่า ที่ผ่านมามหาวิทยาลัยดำเนินโครงการและกิจกรรมต่าง ๆ ที่เป็นการแก้ปัญหาขยะบนเกาะท่องเที่ยวในภาคใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกาะหลีเป๊ะ ที่ถือได้ว่าเป็นเกาะท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย แต่ในขณะเดียวกัน ก็ประสบปัญหาขยะล้นเกาะอย่างรุนแรง ด้วยอุปสรรคในการนำขยะออกจากเกาะรวมถึงปริมาณนักท่องเที่ยวที่มีจำนวนมาก

มูลนิธิโคคา-โคลา ลงนาม MOU 2 มหาวิทยาลัย จัดการปัญหาขยะติดเกาะยั่งยืน

ส่วนเกาะลิบงก็มีความสำคัญ เนื่องจากเป็นเกาะที่พยูน สัตว์ที่ใกล้จะสูญพันธ์อาศัยอยู่มากที่สุด ทรัพยากรธรรมชาติบนเกาะและใต้ท้องทะเลที่นี่ ยังอุดมสมบูรณ์ไปด้วยสัตว์น้ำนานาชนิด เป็นแหล่งอาหารและที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำเศรษฐกิจที่มีมูลค่าสูง 

 

โครงการจัดการขยะและวัสดุรีไซเคิลบนพื้นที่เกาะอย่างยั่งยืน ภายใต้โครงการ “เก็บ” ไทยให้สวยงาม (Keep Thailand Beautiful) ร่วมมือในการทำงานกับชุมชน พร้อมเสริมสร้างความตระหนักรู้ให้นักท่องเที่ยว ได้มีส่วนร่วมในการจัดการขยะเชิงบูรณาการ ซึ่งจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเชิงพฤติกรรมที่จะช่วยลดปัญหาขยะติดเกาะได้อย่างยั่งยืน