เกาะติดตารางแข่งและถ่ายทอดสด "ฟุตบอลชายทีมชาติไทย" เตรียมลงสนามในศึกฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน 2024 (ASEAN Mitsubishi Electric Cup 2024) รอบชิงชนะเลิศ นัดที่สอง พบกับทีมชาติเวียดนาม ในวันที่ 5 มกราคม 2568 เวลา 20.00 น. ณ สนามราชมังคลากีฬาสถาน หลังจากบุกไปพ่ายมาในนัดแรก 1-2 ที่สนามเมืองฮานอย ทำให้ต้องเร่งทำประตูในนัดนี้เพื่อพลิกสถานการณ์
ความพร้อมล่าสุด "มาซาทาดะ อิชิอิ" กุนซือทีมชาติไทย ได้นำลูกทีมลงฝึกซ้อมครั้งสุดท้ายที่เทรนนิ่ง เซ็นเตอร์ 3 บีจี สเตเดียม เน้นทบทวนแทกติกทั้งเกมรุกและเกมรับ รวมถึงการเล่นลูกตั้งเตะและการยิงจุดโทษ
โดยกุนซือชาวญี่ปุ่นเผยว่าได้วางแผนรับมือไว้ทุกสถานการณ์ แม้จะต้องไปถึงการดวลจุดโทษ พร้อมระบุว่าทีมไม่ได้เสียเปรียบทีมอื่นในทัวร์นาเมนต์นี้
ในส่วนของสภาพทีม อิชิอิเผยว่ายังต้องรอประเมินอาการบาดเจ็บของ "อัครพงศ์ พุ่มวิเศษ" ขณะที่นักเตะแกนหลักอย่าง"พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี" และ "วีระเทพ ป้อมพันธุ์" ล้วนมีความสำคัญต่อทีม
กัปตันทีม "พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี" เปิดเผยว่าได้มีการพูดคุยกันในห้องแต่งตัวหลังเกมนัดแรก และต้องการแสดงให้แฟนบอลเห็นถึงความมุ่งมั่นและจิตวิญญาณนักสู้ของทีมในเกมนัดนี้ พร้อมขอบคุณแฟนบอลที่ยังเชื่อมั่นและศรัทธาในทีม โดยยืนยันว่าสภาพจิตใจของทีมไม่ได้เศร้าหรือกดดัน และพร้อมทำเต็มที่เพื่อตอบแทนแฟนบอล
ด้าน "โจนาธาร เข็มดี" แนวรับตัวเก่งของทีม แสดงความมั่นใจว่าทีมชาติไทยจะสามารถพลิกสถานการณ์กลับมาคว้าแชมป์ได้ แม้จะยอมรับว่าเวียดนามเป็นทีมที่แข็งแกร่งและมีผู้เล่นคุณภาพดีหลายราย โดยเผยว่าตนเองมีสภาพร่างกายที่ดีขึ้นหลังจากมีปัญหาบริเวณฟันและกรามจากเกมพบฟิลิปปินส์
สำหรับแฟนบอลที่ไม่สามารถเข้าชมในสนามได้ เนื่องจากบัตรจำหน่ายหมดอย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมงจากความจุ 47,000 ที่นั่ง "มาดามแป้ง" นวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้ประสานงานกับการกีฬาแห่งประเทศไทยและไทยรัฐทีวี ติดตั้งจอยักษ์บริเวณหน้าสนาม (หน้าอินดอร์สเตเดียมหัวหมาก) เพื่อให้แฟนบอลได้ร่วมเชียร์และสร้างกำลังใจให้นักเตะไปพร้อมกัน
มาดามแป้งกล่าวว่า นัดนี้มีความสำคัญมาก เนื่องจากนักเตะทุกคนต้องการเสียงเชียร์และกำลังใจ โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ทีมตามหลัง 1-2 จากนัดแรก พร้อมขอบคุณไทยรัฐทีวีที่เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์และมีส่วนสำคัญในการติดตั้งจอยักษ์ รวมถึงการกีฬาแห่งประเทศไทยที่อำนวยความสะดวกเรื่องสถานที่
การแข่งขันนัดนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากทีมชาติไทยมีโอกาสสร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์สมัยที่ 8 และเป็นแชมป์ 3 สมัยติดต่อกันเป็นทีมแรก
โดย"มาดามแป้ง" ย้ำว่าทุกอย่างเป็นไปได้หากคนไทยรวมพลังเป็นหนึ่งเดียว พร้อมยกตัวอย่างความสำเร็จในปี 2016 ที่ทีมชาติไทยเคยพลิกกลับมาคว้าแชมป์ได้แม้จะแพ้ในนัดแรก
ขณะที่ e.vnexpress.net สื่อของเวียดนาม เขียนบทความระบุว่า ทีมชาติเวียดนามยังไม่สามารถเอาชนะทีมชาติไทยในบ้านได้เลยในช่วงเวลาเกือบ 27 ปี โดยสถิติที่ยังคงอยู่คือชนะ 3 เสมอ 8 และแพ้ 18 จากการพบกันทั้งหมด 29 ครั้งในระดับทีมชาติ คิดเป็นอัตราชนะเพียง 10% ขณะที่ความพ่ายแพ้คิดเป็น 62%
ชัยชนะครั้งสำคัญครั้งแรกของเวียดนามเกิดขึ้นในรอบรองชนะเลิศศึกไทเกอร์คัพ 1998 ที่สนาม Hàng Đẫy ด้วยสกอร์ 3-0 แต่หลังจากนั้นเวียดนามทำได้เพียงเสมอ 4 และแพ้ 3 ในนัดที่เจอไทยในบ้าน
ใน AFF Cup 2008 เวียดนามเอาชนะไทย 2-1 ในเลกแรกที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ก่อนจะเสมอ 1-1 ในนัดที่สองที่ Mỹ Đình Stadium กรุงฮานอย และคว้าแชมป์รายการนี้ได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ แต่หลังจากนั้นอีก 17 ปี เวียดนามยังไม่สามารถเอาชนะไทยในรายการทางการได้เลย
ในศึกอาเซียนคัพ 2024 เวียดนามภายใต้การคุมทีมของคิม ซัง-ซิก มีฟอร์มการเล่นที่ดีกว่าไทย โดยยังไม่แพ้ใครในทัวร์นาเมนต์ ขณะที่ไทยซึ่งเป็นแชมป์เก่าพ่ายฟิลิปปินส์ 1-2 ในรอบรองชนะเลิศเลกแรก
ไทยมีเกมรุกและโอกาสทำประตูมากกว่า แต่เวียดนามมีเกมรับเหนียวแน่นกว่า และเก็บคลีนชีตได้มากกว่า
ในนัดชิงชนะเลิศ กองหน้าลูกครึ่งบราซิลของเวียดนาม เหงียน ซวน ซอน ทำได้ 5 ประตูใน 3 นัด ขณะที่ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ของไทยยิงได้ 4 ประตูและนำในตารางแอสซิสต์ด้วยจำนวน 4 ครั้ง
ผลแพ้ชนะในเกมนี้จะเป็นตัวชี้ขาดตำแหน่งผู้เล่นทรงคุณค่าของทัวร์นาเมนต์