สะพัด"เดวิด เบ็คแฮม"ซุ่มเจรจาซื้อสโมสรแมนยูฯ

25 พ.ย. 2565 | 07:53 น.
อัปเดตล่าสุด :25 พ.ย. 2565 | 21:26 น.
969

สื่อนอกรายงาน ‘เดวิด เบ็คแฮม’ กำลังเจรจาขอซื้อสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เล็งตั้งกลุ่มทุนเข้าร่วมประมูล หลัง ‘เกลเซอร์’ เล็งขายสโมสรฯ คาดราคาขายอาจเกือบ 7 พันล้านปอนด์

 

หลังจากเมื่อวันที่ 22 พ.ย ที่ผ่านมา สโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้แถลงการณ์อย่างเป็นทางการผ่านเว็ปไซต์ของสโมสร ประกาศว่ากำลังเริ่มกระบวนเลือกผู้บริหาร ที่สนใจเข้ามาซื้อทีมเพื่อเขับเคลื่อนการเติบโตของสโมสร ซึ่งหากเกิดขึ้น ตระกูลเกลเซอร์ก็จะสิ้นสุดการเป็นเจ้าของสโมสรดังกล่าวเป็นระยะเวลา 17 ปี

 

ล่าสุดเว็บไซต์ของหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทม์ส รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า เดวิด เบ็คแฮม ตำนานนักเตะชื่อดัง กำลังเจรจาเพื่อขอซื้อสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
          

 

 

รายงานระบุว่า เบ็คแฮม ซึ่งเป็นอดีตนักเตะของทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่สามารถเข้าซื้อสโมสรฟุตบอลแห่งนี้ได้ด้วยตนเอง แต่สามารถจัดตั้งกลุ่มการลงทุนเพื่อเข้าซื้อได้ ซึ่งจะเป็นผลดีกับกลุ่มที่จะร่วมลงทุนกับเบ็คแฮม เนื่องจากเบ็คแฮมมีประวัติศาสตร์และความผูกพันอันยาวนานกับสโมสรฟุตบอลแห่งนี้
          

นอกจากนี้ การที่เบ็คแฮมเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดตั้งกลุ่มการลงทุนก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสให้กลุ่มทุนกลุ่มนี้สามารถชนะการประมูลซื้อสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดได้ไม่ยาก

 

แหล่งข่าวซึ่งเป็นนายธนาคารรายหนึ่งกล่าวว่า สโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อาจจะถูกขายในราคาเกือบ 7 พันล้านปอนด์ และการที่หลายฝ่ายแย่งกันประมูลซื้อสโมสรแห่งนี้อาจจะทำให้ราคาถูกดันสูงขึ้นไปอีก 

 

อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญด้านการระดมเงินทุนเพื่อซื้อทีมฟุตบอลบางรายกล่าวว่า ราคาขายที่ระดับ 4-5 พันล้านปอนด์ก็ถือว่าสูงเกินไปสำหรับสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่ไม่สามารถทำกำไรได้ในปีที่แล้ว
         

 

รายงานระบุว่า เซอร์จิม แรทคลิฟฟ์ มหาเศรษฐีเจ้าของบริษัทอินนิออส (Ineos) ซึ่งเป็นบริษัทเคมีรายใหญ่ระดับโลกเคยประกาศเมื่อปีที่แล้วว่า เขาสนใจซื้อสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ส่วนผู้ซื้อรายอื่น ๆ นั้น คาดว่าอาจรวมถึงนายจอช แฮร์ริส และนายเดวิด บลิทเซอร์ สองนักลงทุนรายใหญ่ และกลุ่มทุนอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งนำโดยนายสตีเฟน แพกลิวคา เจ้าพ่อวงการฟุตบอล และนายแลรี์รี ทาเนนบวม ซึ่งเคยอยู่ในรายชื่อผู้ที่สนใจซื้อสโมสรฟุตบอลเชลซีในปีนี้

 

ทั้งนี้จากการประกาศดังกล่าว ราคาหุ้นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดพุ่งขึ้นทันที 19% ในการซื้อขายที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อวันอังคาร (22 พ.ย.) ก่อนจะปิดตลาดเพิ่มขึ้น 15% แตะที่ 14.94 ดอลลาร์ ส่งผลให้มูลค่าตลาดของหุ้นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ณ วันอังคารอยู่ที่ 2.46 พันล้านดอลลาร์