พร็อพเพอร์ตี้กูรู เผยแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยในปี 2568 ยังคงมีความเคลื่อนไหวที่น่าจับตา โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคและแนวโน้มการลงทุนที่มีความหลากหลายมากขึ้น แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่
มีแนวโน้มเติบโตจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร โดยจำนวนครัวเรือนที่มีสมาชิกเพียงคนเดียวเพิ่มขึ้นจาก 6.4% ในปี 2555 เป็น 26.1% ในปี 2565 ส่งผลให้ผู้พัฒนาโครงการต้องปรับกลยุทธ์ มุ่งเน้นไปที่โครงการขนาดเล็กที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองและชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานในไทย คอนโดมิเนียมขนาดกะทัดรัดและอพาร์ตเมนต์ราคาประหยัดจึงกลายเป็นกลุ่มสินค้าที่ได้รับความนิยมสูง โดยเฉพาะในทำเลที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจและการเดินทางสะดวก เช่น ย่านธุรกิจของกรุงเทพฯ และเมืองท่องเที่ยวสำคัญ
ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมและศูนย์ข้อมูล (Data Centers) ซึ่งเป็นผลมาจากการขยายตัวของธุรกิจอีคอมเมิร์ซและการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ อสังหาริมทรัพย์เพื่อสุขภาพ (Healthcare Facilities) อาทิ โรงพยาบาลและศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ก็กลายเป็นอีกหนึ่งเซ็กเมนต์ที่มีการลงทุนเพิ่มขึ้น สอดรับกับโครงสร้างประชากรที่เข้าสู่สังคมสูงวัย (Aging Society) รวมถึงการพัฒนาระบบโลจิสติกส์และโครงสร้างพื้นฐานของไทยที่ทำให้ตลาดอสังหาฯ เชิงพาณิชย์ยังคงเป็นที่ต้องการของนักลงทุน
คาดว่าราคาจะปรับตัวเพิ่มขึ้นปีละ 3% - 7% โดยได้รับแรงหนุนจากความต้องการของทั้งผู้ซื้อในประเทศและนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะทำเลที่เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว เช่น กรุงเทพฯ ภูเก็ต และพัทยา กลุ่มสินค้าหรูที่ตอบโจทย์ลูกค้ากำลังซื้อสูงยังคงเป็นเซ็กเมนต์ที่มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง
แม้ว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยจะมีแนวโน้มขยายตัว แต่การเข้าถึงสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยยังคงเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อบ้านของผู้บริโภค ปัจจุบัน ความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ส่งผลให้ผู้บริโภคจำนวนมากที่มีความต้องการซื้อบ้านไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้ได้
ขณะที่โครงการอสังหาริมทรัพย์มีการคัดกรองคุณสมบัติของลูกค้าก่อนส่งเรื่องขอสินเชื่อไปยังธนาคารแล้วถึง 50% แต่ธนาคารอนุมัติสินเชื่อจริงเพียง 75% ของจำนวนที่ยื่นขอ ส่งผลให้ผู้ที่ต้องการซื้อบ้านหันไปเลือกเช่าที่อยู่อาศัยแทน ทำให้ตลาดเช่าขยายตัวมากขึ้น
ทั้งนี้ มีหลายเสียงเรียกร้องจากผู้ประกอบการและภาคธุรกิจให้ธนาคารพาณิชย์ผ่อนคลายเงื่อนไขการปล่อยสินเชื่อ โดยเฉพาะสำหรับผู้ซื้อบ้านหลังแรก ซึ่งยังคงเป็นตลาดหลักที่มีดีมานด์สูง นอกจากนี้ ยังมีข้อเสนอให้ภาครัฐพิจารณานำนโยบายสนับสนุนการซื้อบ้านหลังแรกกลับมาอีกครั้ง เพื่อช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงที่อยู่อาศัยได้ง่ายขึ้น ขณะที่นักลงทุนบางส่วนเริ่มมองหาโอกาสในตลาดเช่าที่มีอัตราการเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางแนวโน้มตลาดที่เปลี่ยนแปลง งานมอบรางวัล PropertyGuru Thailand Property Awards ปีที่ 20 จึงถือเป็นเวทีสำคัญในการส่งเสริมมาตรฐานอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ไทยให้สอดคล้องกับการเติบโตของตลาด
นายจูลส์ เคย์ ผู้จัดการทั่วไป พร็อพเพอร์ตี้กูรู เอเชีย พร็อพเพอร์ตี้ อวอร์ดส์ แอนด์ อีเวนต์ กล่าวว่า รางวัลนี้เป็นเวทีที่สะท้อนการเติบโตของอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ไทยมาตลอดสองทศวรรษ โดยในปีนี้ เราตั้งใจขยายขอบเขตของรางวัลให้ครอบคลุมการพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์สังคมและเศรษฐกิจยุคใหม่ พร้อมส่งเสริมมาตรฐานสากล
รวมถึงในปีนี้ได้มีการเพิ่มหมวดรางวัลใหม่ เช่น โครงการเพื่อคนทุกวัย (Multigeneration Living), โครงการพาณิชย์อัจฉริยะ (Smart Commercial Development) และรางวัลก่อสร้างยอดเยี่ยม (Best Construction Company) เพื่อสะท้อนความต้องการที่เปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคและนักลงทุน
ด้านนางสุพินท์ มีชูชีพ ประธานคณะกรรมการตัดสินรางวัล กล่าวเสริมว่า ปี 2568 เป็นปีสำคัญของอุตสาหกรรม เราจึงเพิ่มหมวดรางวัลที่สะท้อนถึงแนวโน้มใหม่ของตลาด เช่น โครงการมัลติเจเนอเรชัน, พื้นที่มิกซ์ยูสที่เสร็จสมบูรณ์ และโครงการพาณิชย์อัจฉริยะ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดทิศทางอสังหาฯ ไทยและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
งานมอบรางวัลจะจัดขึ้นในวันที่ 12 กันยายน 2568 ณ โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ โดยเปิดรับการเสนอชื่อโครงการที่โดดเด่นจากทั่วประเทศถึงวันที่ 11 กรกฎาคม 2568 ผ่านทางเว็บไซต์ ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญสำหรับผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไทยในการแสดงศักยภาพและสร้างความเชื่อมั่นให้กับตลาดในระดับสากล