พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค วางเป้ายอดขายปี 2568 ที่ 11,000 ล้านบาท รายได้รวม 10,000 ล้านบาท เดินหน้าเปิด 7 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 9,600 ล้านบาท พร้อมรุกตลาดรับสร้างบ้านในกรุงเทพฯ และ EEC หวังขยายฐานลูกค้า ตอกย้ำการเติบโตธุรกิจอสังหาฯ อย่างต่อเนื่อง
นายศานิต อรรถญาณสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายปีนี้ที่ 11,000 ล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 7,500 ล้านบาท คอนโดมิเนียม 1,500 ล้านบาท และโครงการร่วมทุน 2,000 ล้านบาท ขณะที่เป้าหมายรายได้รวมอยู่ที่ 10,000 ล้านบาท โดยมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 7 โครงการ มูลค่ารวม 9,600 ล้านบาท ครอบคลุมบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และอาคารพาณิชย์
โดยโครงการเด่นของพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟคในปีนี้ ได้แก่ "เพอร์เฟค เพลส" บ้านเดี่ยวแฟล็กชิพใน 3 ทำเลใหม่ ราชพฤกษ์ 346, รามอินทรา และกรุงเทพกรีฑา-ร่มเกล้า ตอบโจทย์ความต้องการตลาดบ้านทั้งระดับกลางไปจนถึงบน
รวมถึง “มาร์เก็ต อเวนิว แจ้งวัฒนะ 2” ศูนย์กลางการค้าใหม่บนถนนหอการค้าไทย ซึ่งกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ยังมี "เบลล่า เดล มอนเต้ เขาใหญ่ 2" ที่ขยายการลงทุนด้านโรงแรมหรู เพิ่มมูลค่าให้โครงการ และ "เลค เลเจ้นด์ บางนา" บ้านริมทะเลสาบ 100 ไร่ ซึ่งเตรียมพัฒนารูปแบบใหม่รองรับตลาดระดับพรีเมียม
อีกทั้ง บริษัทมุ่งเพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภคด้วยบ้านที่พร้อมเข้าอยู่ภายใน 3-6 เดือน ซึ่งสามารถเลือกปรับวัสดุได้ เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้ารายได้ปานกลาง นอกจากนี้ ยังเตรียมขยายความร่วมมือกับโรงเรียนนานาชาติในทำเลสำคัญ เช่น แจ้งวัฒนะ รามคำแหง กรุงเทพกรีฑา และบางนา เพื่อเจาะกลุ่มครอบครัวที่ต้องการส่งบุตรหลานเข้าเรียนในระบบนานาชาติ รวมถึงกลุ่ม Expat ที่ทำงานในไทย
อีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญของปีนี้ คือการเข้าสู่ธุรกิจรับสร้างบ้าน โดยมุ่งจับกลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงบน ที่ต้องการสร้างบ้านบนที่ดินของตนเอง บริษัทเตรียมให้บริการในเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑล และพื้นที่ EEC ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง จุดเด่นของเพอร์เฟคอยู่ที่ประสบการณ์ด้านการก่อสร้าง ระบบบริหารจัดการคุณภาพ และมาตรฐานงานก่อสร้างที่สามารถส่งมอบได้รวดเร็ว
ด้านการบริหารการเงิน บริษัทตั้งเป้าลดหนี้หุ้นกู้ให้เหลือระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี จากเดิมที่เคยมีมูลค่าหุ้นกู้สูงสุดถึง 20,000 ล้านบาทในปี 2563 โดยในปี 2567 สามารถชำระคืนหุ้นกู้ไปแล้ว 6,600 ล้านบาท โดยในปีนี้มีแผนชำระคืนเพิ่มเติม 6,350 ล้านบาท
จากการใช้วงเงินสนับสนุนจากสถาบันการเงิน และปิดการขายโครงการอสังหาฯ ทั้งในและต่างประเทศ อาทิ คอนโดมิเนียม "ยู คิโรโระ" ในญี่ปุ่น ซึ่งสามารถปิดการขายเพนท์เฮ้าส์ 2 ห้องสุดท้ายได้ในไตรมาสแรก คิดเป็นมูลค่ารวม 1,150 ล้านเยน
“ปีนี้เรายังคงเดินหน้าขยายธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ทั้งการพัฒนาโครงการใหม่ การเข้าสู่ธุรกิจรับสร้างบ้าน และการบริหารโครงสร้างทางการเงินให้แข็งแกร่งขึ้น เป้าหมายของเราคือการตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่มและสร้างความมั่นคงให้กับธุรกิจในระยะยาว” นายศานิต กล่าว