อสังหาฯไทย มองโอกาสหรือความท้าทาย? หลังครม.ไฟเขียว "สถานบันเทิงครบวงจร"

15 ม.ค. 2568 | 05:55 น.
อัปเดตล่าสุด :15 ม.ค. 2568 | 08:59 น.

ภาคอสังหาฯตั้งข้อสังเกต อาจเป็นโอกาสและความท้าทายในเวลาเดียวกัน ชี้พื้นที่โดยรอบได้อานิสงส์ กระตุ้นความต้องการ โรงแรม-คอนโดฯ หลังมติครม. ผ่านร่าง พ.ร.บ. เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์

แนวคิดการพัฒนาเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ในประเทศไทยยังคงเป็นประเด็นที่
ถกเถียง หลังล่าสุดที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2568 มีมติเห็นชอบร่างกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร

สุรเชษฐ กองชีพ

ท่ามกลางเสียงคัดค้านจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและข้อสังเกต 6 ประเด็นสำคัญที่สะท้อนถึงความไม่สอดคล้องกับนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล โดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการสร้างความชัดเจนของนิยามสถานบันเทิงครบวงจร และการตอบโจทย์ปัญหาการพนันผิดกฎหมาย

ในอนาคตโครงการนี้จะเป็นศูนย์รวมความบันเทิง ที่อาจกลายมาเป็นเป็นโอกาสสำคัญในการดึงดูดนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ การพัฒนาโครงการนี้จึงถูกจับตามองว่าอาจมีผลต่อโครงสร้างพื้นฐานและตลาดอสังหาริมทรัพย์ในอนาคต 

“ฐานเศรษฐกิจ” จึงได้สำรวจมุมมองความคิดเห็นของภาคอสังหาริมทรัพย์ถึงเมกะโปรเจ็กต์ที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้

อสังหาฯไทย มองโอกาสหรือความท้าทาย? หลังครม.ไฟเขียว \"สถานบันเทิงครบวงจร\"

นายสุรเชษฐ กองชีพ หัวหน้าฝ่ายวิจัยและที่ปรึกษา คุชแมน แอนด์ เวคฟิลด์ ประเทศไทย กล่าวว่า การผลักดันโครงการเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์สามารถสร้างโอกาสให้กับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้อย่างมาก โดยเฉพาะในแง่ของการเพิ่มรายได้จากภาษี ค่าบริการ และการจ้างงาน

ซึ่งจะมีผลกระทบเชิงบวกต่อธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างในช่วง 4-5 ปีหลังจากกฎหมายผ่านการบังคับใช้ นอกจากนี้ยังสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เข้ามาในประเทศไทย ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวม

แม้ว่าจะมีข้อดีในแง่ของการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่นายสุรเชษฐ ก็ได้ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับความท้าทายของโครงการนี้เช่นกัน โดยเฉพาะในเรื่องของการพนันที่อาจจะกลายเป็นกิจกรรมที่ถูกกฎหมาย ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสังคมในระยะยาว

เช่น การควบคุมเยาวชนและบุคคลที่ยังไม่ถึงเกณฑ์อายุ การเพิ่มขึ้นของหนี้ครัวเรือน และปัญหาอาชญากรรมที่อาจตามมา รวมถึงภาระทรัพยากร ธรรมชาติที่มากขึ้นจากการขยายตัวของโครงการดังกล่าว

พรนริศ ชวนไชยสิทธิ์

เช่นเดียวกันนายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย ได้เผยถึงความกังวลถึงความท้าทายด้านสังคม โดยเฉพาะในเรื่องของการควบคุมกิจกรรมการพนันในพื้นที่ ซึ่งอาจไม่ได้ช่วยลดจำนวนบ่อนผิดกฎหมายตามที่คาดหวังไว้

เนื่องจากมองว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่การบังคับใช้กฎหมาย แต่เป็นพฤติกรรมของคนในสังคมที่อาจหลีกเลี่ยงกฎระเบียบได้ อย่างเช่นในปัจจุบันที่ยังคงมีปัญหาสถานบันเทิงเปิดเกินเวลา หรือให้เยาวชนเข้าใช้ได้แม้จะมีกฎหมายควบคุม

อย่างไรก็ตาม หากโครงการเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์เกิดขึ้นจริง จะกระตุ้นความต้องการในอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่โดยรอบ โดยเฉพาะในแง่ของความต้องการในส่วนของโรงแรม คอนโดมิเนียม และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ หรือหากมีการพัฒนาเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ คอมเพล็กซ์ในต่างจังหวัด จะส่งผลให้มีการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานสาธารณูปโภคมากขึ้น

ทั้งนี้ การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ยังขึ้นอยู่กับรูปแบบของที่ดินที่จะใช้พัฒนาหากเป็นที่ดินของรัฐ อย่างที่ดินการรถไฟฯ ก็สามารถทำได้เพียงให้เช่าระยะยาวเท่านั้น คอนโดมิเนียมบนพื้นที่อาจจะไม่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคเท่าที่ควร เพราะผู้บริโภคยังคงนิยมการซื้อขายกรรมสิทธิ์

ด้านนายสุนทร สถาพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สถาพร เอสเตท จำกัด กล่าวถึงการเลือกพื้นที่สำหรับสร้างเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่มีกาสิโน โดยไม่เห็นด้วยกับการเลือกพื้นที่ที่มีทรัพยากรท่องเที่ยวหรือมีความสวยงามทางธรรมชาติ เช่น พื้นที่ในกรุงเทพฯ ภูเก็ต หรือพัทยา ซึ่งมีมูลค่าสูงและมีความต้องการที่พัก โรงแรม และบริการอื่น ๆ 

สุนทร สถาพร

ซึ่งแต่เดิมมีความหนาแน่นอยู่แล้ว การส่งเสริมการท่องเที่ยวและการกระตุ้นเศรษฐกิจจากการเปิดกาสิโนในพื้นที่ต่างๆ อาจทำให้เกิดปัญหาด้านสังคมในพื้นที่ดังกล่าว อาจทำให้เกิดผลกระทบในด้านความปลอดภัยและความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่โดยรอบ

“การเลือกพื้นที่ใน Prime Area ที่มีศักยภาพสูงอยู่แล้วอย่างกรุงเทพฯ ภูเก็ต หรือเชียงใหม่ ไม่ควรมีการเปิดกาสิโน เพราะอาจทำให้ปัญหาทางสังคมเพิ่มขึ้นโดยไม่จำเป็น”

ในทางกลับกัน ประเทศที่พัฒนาแล้วมักเลือกใช้พื้นที่ที่มีความทุรกันดารหรือขาดแคลนทรัพยากรธรรมชาติ เช่น ทะเลทราย หรือพื้นที่ใหม่ที่สร้างขึ้นเพื่อดึงดูดการลงทุนกาสิโนและเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ ซึ่งสามารถกระตุ้นการเติบโตของอสังหาริมทรัพย์และการสร้างงานใหม่

อสังหาฯไทย มองโอกาสหรือความท้าทาย? หลังครม.ไฟเขียว \"สถานบันเทิงครบวงจร\"

ส่วนอีกปัญหาหลักของการเปิดกาสิโนคือ การที่คนไทยส่วนใหญ่ที่เล่นการพนันใต้ดินมักเป็นกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและรายได้ปานกลาง โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีประชากรยังอยู่ใกล้เส้นขีดความยากจน หรือไม่สามารถหารายได้เพียงพอต่อการใช้ชีวิตได้

ในขณะที่กาสิโนอาจเพิ่มปัญหาความยากจน เพราะคนไทยโดยทั่วไปมองการพนันเป็นความเสี่ยงที่ต้องพึ่งโชค หากให้กลุ่มนี้เข้าถึงกาสิโนอาจจะทำให้พวกเขาติดการพนันและยิ่งซํ้าเติมปัญหาความยากจนให้ลุกลามมากขึ้น

นายสุนทรจึงได้เสนอให้การคัดกรองผู้ที่มีสิทธิ์เข้าใช้กาสิโน ควรใช้วิธีตรวจสอบข้อมูลทางภาษีและระดับรายได้ โดยผู้ที่มีรายได้มากกว่าค่าเฉลี่ยรายได้ประชาชาติ ควรได้รับสิทธิ์เข้ากาสิโน ส่วนผู้ที่มีรายได้ตํ่ากว่าหรือไม่มีฐานภาษีที่ชัดเจนก็ไม่ควรให้เข้าร่วมเล่น เพื่อป้องกันการเข้าถึงของกลุ่มที่มีโอกาสตกเป็นเหยื่อของการพนัน

แม้แนวคิดในการผลักดันเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ จะมีข้อดีในการกระตุ้นเศรษฐกิจและการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ แต่ก็ยังมีความท้าทายทางสังคมและเศรษฐกิจที่ต้องการการพิจารณาอย่างรอบคอบ คำถามที่ยังคงค้างอยู่คือ ประเทศไทยพร้อมที่จะรองรับการเปลี่ยนแปลงนี้ และภาครัฐจะสามารถควบคุมผลกระทบที่จะเกิดขึ้นได้หรือไม่ในอนาคต

 

หน้า 20 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,062 วันที่ 16 - 18 มกราคม พ.ศ. 2568